
10 ประเด็นร้อนบทบาท 'ประธานสภาฯ' คีย์แมนคุมเกมโหวต 'พิธา' นั่งนายกฯ คนที่ 30
ที่ผ่านมาคนทั่วไปมักไม่ให้ความสนใจบทบาท 'ประธานสภาฯ' ว่าตำแหน่งนี้ความสำคัญอย่างไรต่อการบริหารประเทศ แต่หลังจาก พรรคก้าวไกลส่งสัญญาณขอตำแหน่ง ประมุขฝ่ายนิบัญญัติ ทำให้เก้าอี้นี้ถูกจับตามากขึ้น โดยเฉพาะบทบาทหลักในการคุมเกมโหวต 'พิธา' นั่ง นายกฯ คนที่ 30
1) ประธานสภาฯ มาจาก สส.ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าจะต้องมาจาก สส.ฟากรัฐบาล ในการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ก็จะต้องมาจาก 8 พรรคร่วม และเหตุผลที่ตำแหน่ง ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ มีความสำคัญก็เพราะจะมีบทบาทหลักในกระบวนการโหวตเลือก "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" นั่ง นายกฯคนที่ 30 นั่นเอง
2) ที่มาของนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ต้องได้เสียงจากสมาชิกรัฐสภา เพราะฉะนั้นในกระบวนการนี้จะต้องมีประธานรัฐสภามาทำหน้าที่นี้ (การประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีประธานรัฐสภาทำหน้าที่) ด้วยเหตุนี้ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องมาจากพรรคตัวเองเท่านั้น ซึ่ง ณ เวลานี้ดูเหมือนล่าสุด (21 มิ.ย.) การต่อรองระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ในการกำหนดตัวประธานสภาฯ ยังไม่ลงตัว
3) แม้ก่อนนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ไว้ชัด เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ จะเป็นของพรรคก้าวไกล แต่พรรคเพื่อไทยขอตำแหน่งรองประธานสภา ทั้ง 2 คน โดยมี ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาตอกหมุดย้ำประเด็นนี้เพื่อให้ได้ข้อยุติ และการจัดตั้งรัฐบาลจะได้เดินหน้าต่อไปได้
4) ผ่านมา 4 วัน สถานการณ์ป่วนอีก โดยการประชุม สส. 141 คน ของพรรคเพื่อไทยในหัวข้อ "เพื่อไทยเปิดใจ เพื่ออนาคตไทย" เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ปรากฏว่า สส.ของพรรคส่วนใหญ่กว่า 90% ที่เข้าร่วม เห็นว่า เก้าอี้ประธานสภาฯ ควรอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพราะได้ สส.น้อยกว่าพรรคก้าวไกลเพียง 10 เสียงเท่านั้น แต่การประชุมครั้งนี้ไร้เงาของ สุชาติ ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะเป็นม้ามืดคว้าเก้าอี้ประธานสภาฯ โดยมีคนนอกพรรคร่วมให้การสนับสนุน
5) สองพรรคหลักจะต่อรองกันนานแค่ไหนก็ตาม แต่ไทม์ไลน์การเปิดประชุมสภาฯ ถูกกำหนดคร่าวๆ เพื่อเลือกประธานสภาฯ แล้ว รวมถึงวันที่จะโหวตนายกฯ คนที่ 30 โดยล่าสุดมีรายงานว่า แคนดิเดตผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกลมีอยู่ 4 คน คือ ปดิพัทธ์ สันติภาดา อายุ 42 ปี จบการศึกษาสัตวแพทย์ จุฬาฯ คนต่อมา ธีรัจชัย พันธุมาศ อายุ 59 ปี ปริญญาโทนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง คนที่ 3 ณัฐวุฒิ บัวประทุม อายุ 46 ปี จบปริญญาโทนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง และ พริษฐ วัชรสินธุ อายุ 30 ปี จบปริญญาโทปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์จอห์ มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด
6) ว่ากันตามคุณสมบัติและการทำหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมา คนในพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมจำนวนไม่น้อยเห็นว่าคนที่น่าจะเหมาะสมที่สุดคือ "หมออ๋อง" ปดิพัทธ์ สันติภาดา ซึ่งที่ผ่านมา "หมออ๋อง" เคยสร้างเซอร์ไพรส์ในการ เลือกตั้งเมื่อปี 2562 หลังจากคว้าชัย สส.พิษณุโลก เขต 1 ด้วยคะแนนเสียง 35,579 คะแนน ล้ม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นอดีต สส. 3 สมัย ซึ่งครั้งนั้นได้ไปเพียง 18,613 คะแนน
7) การทำหน้าที่ สส.ในสภาของ "หมออ๋อง" ถือเป็น "สตาร์" ของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะการตีแผ่โครงการกู้บ้านพักทหาร ซึ่งเป็นต้นตอของเหตุการณ์กราดยิงโคราช โศกนาฏกรรมที่ไม่มีผู้นำเหล่าทัพคนไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบ รวมทั้งยังได้อภิปรายในอีกหลายประเด็นร้อน เช่น การปฏิรูปกองทัพ
8) อย่างไรก็ตาม การโหวตเลือกประธานสภาฯ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-12 ก.ค. ที่จะถึงนี้ บางพรรคการเมืองได้ส่งสัญญาณว่าจะต้องฟรีโหวต ซึ่งแน่นอนว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วย เพราะจะกระทบความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือพรรคร่วม 8 พรรค หรืออาจเกิดความหวาดระแวงต่อกัน เพราะในฐานะคนร่วมรัฐนาวาเดียวกัน อาจทำให้รัฐบาลพิธาเกิดสะดุดไม่ราบรื่นได้ (ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะราบรื่น)
9) ย้อนมาส่องบทบาทของประธานสภาฯ ที่จะทำหน้าที่ประธานรัฐสภานั้นสำคัญตรงที่การโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องได้เสียงหนุนมาจาก 2 สภา หรือต้องได้เสียงจาก สว.ด้วย โดยเสียงรวมกันไม่น้อยกว่า 376 เสียง ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ ผู้ทำหน้าที่กำหนดกติกาในการโหวตอยู่ที่คนทำหน้าที่ประธาน เพราะต้องเข้าใจว่า ถึงเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า สว. 250 เสียง จะเทใจมายกมือสนับสนุนให้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นนายกฯ สักกี่เสียง
10) หาก "พิธา" ได้เสียงโหวตรอบแรก (สส.+สว.) ไม่มากพอ หรือไม่ถึง 376 เสียง เกมการโหวตจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ถ้าประธานสภาฯ มาจากพรรคอื่น พรรคก้าวไกลจะถูกเบี้ยวกลางสภาหรือไม่ หรือไม่มั่นใจการคุมเกมเพื่อเปิดทางให้มีการโหวต "พิธา" รอบสอง นอกจากนั้นต้องชิงไหวชิงพริบเพื่อแก้เกมไม่ให้สมาชิกป่วน ซึ่งทราบกันดีว่า การป่วนสภาของบรรดา สส.นั้นเป็นของคู่กันที่เห็นกันจนชินตา
นอกจากประธานสภาฯ มีหน้าที่คุมเกมในสภาแล้ว บทบาทที่สำคัญมากไม่แพ้กันก็คือ การกำหนดวาระการประชุม หรือการมีอำนาจผลักดันวาระสำคัญของพรรคหรือของพรรคร่วมรัฐบาล เช่น การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นที่เร่งด่วน หรือนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้เดินหน้าได้อย่างราบรื่นตามที่หาเสียงไว้ เช่น การปฏิรูปโครงสร้างประเทศด้านต่างๆ
...นี่คือความสำคัญของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติหนึ่งในสามอำนาจอธิปไตยของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ที่มา:
ข้อมูล : https://web.parliament.go.th/view/7/nationalassembly/TH-TH
https://www.ilaw.or.th/node/6541