เปิดใจบังแหล๊ะ เจ้าของยาปฏิเสธไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์เผาป้ามาลัย และเป็นคนช่วยดับไฟด้วยซ้ำ แต่ต้องหนีเพราะกลัวเนื่องจากข่าวที่ออกไปรุนแรง
ความคืบหน้าคดีเผาป้ามาลัยหลังจากที่ในวันนี้(24ธ.ค.)ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางกล่ำและชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.สงขา สามารถ ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก2คนคอ นายส่อแหล๊ะ จิสวัสดิ์ อายุ41ปี หรือแหล๊ะ และนาง จันทิรา บินเสหาะ หรือแอด อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นสองผัวเมียเจ้าของยาไอซ์ที่ร่วมกันจุดไฟเผาทั้งเป็นป้ามาลัยเพราะแค้นที่นำยาไอซ์300กรัมไปละลายน้ำทิ้ง
ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถาม นายส่อแหล๊ะ หรือแหล๊ะ ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง โดยบังแหล๊ะ ให้การว่า ตนไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุอยู่บ้านพักในละแวกเดียวกันขนำของป้ามาลัย และเห็นไฟลุกไหม้พร้อมกับเสียงดังจึงได้วิ่งไปช่วยสาดน้ำดับไฟซึ่งขณะนั้นไม่เห็นป้ามาลัยแล้ว และมาทราบเหตุการณ์ทั้งหมดในภายหลังแต่ยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดจริง
ส่วนสาเหตุที่หลบหนีเพราะกลัวเนื่องจากข่าวที่ออกมาแรงมากกลัวถูกจับจึงหนีกันไปกบดานที่ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา พร้อมกับภรรยา แก้วและเป้ จากนั้นต่างคนต่างหนี โดยตนเองไปกบดานอยู่ที่ต.ฉลุงกับภรรยา ก่อนถูกตำรวจจับกุมได้
บังแหล๊ะ กล่าวว่า ปกติก็รู้จักกับป้ามาลัยดีแม้ว่าจะไม่อยากรู้จักก็ตามเพราะเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้ายและชอบขโมยของชาวบ้าน ส่วนลูกๆของป้ามาลัย ตนก็ช่วยเหลือมาตลอดเพราะเป็นญาติๆกันแต่เรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยเข้าไปช่วยดับไฟด้วยซ้ำแต่ข่าวที่ออกมาดูเหมือนโหดร้ายมาก แต่จะให้ขอโทษป้ามาลัยคงไม่เพราะตนไม่ได้ทำจริง
สำหรับบังแหล๊ะถูกแจ้งดำเนินคดีหนักที่สุดในจำนวนผู้ต้องหาทั้ง5 คน โดยถูกแจ้งข้อหา3ข้อหา คือร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ,กระทำการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,และความผิดต่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน)ครอบครองเพื่อจำหน่าย หลบหนีไม่มาศาล เนื่องจากมีหมายจับคดียาเสพติดติดตัวอีก1คดี
นภาลัย ชูศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สงขลา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง