คอลัมนิสต์

จับตา "ปชป." ยึดแนวทาง "พลังประชารัฐ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จับตา "ปชป." ยึดแนวทาง "พลังประชารัฐ" บี้ กก.บห.พรรคลาออก เกินกึ่งหนึ่ง ต้องประชุมและเลือกตั้งหน.เลขาฯ ใหม่

 ศึกการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนหน้าที่ 18 กรรมการบริหารพรรคลาออก จึงทำให้ คณะกรรมการบริหารพรรคต้องสิ้นสภาพไปโดยปริยาย ตามข้อกำหนดของพรรค จึงต้องมีการประชุมพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

อ่านข่าว : เปิด18 รายชื่อ 'กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ'ลาออก-ส.ส.เชื่อผู้ใหญ่เอาอยู่

ซึ่ง ล่าสุด นายอุตตม สาวนายน รักษาการหัวหน้าพรรค เผยจะมีการประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค 19 มิ.ย. และจะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่วันที่ 3 ก.ค. เมื่อเลือกตั้งจบ ทุกอย่างก็จบ เดินตามครรลองประชาธิปไตย

 แนวทางนี้ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่หลายพรรค อยากจะเลียบแบบหรือเอาเป็นเยี่ยงอย่างหรือไม่นั้น ท่ามกลางกระแสคลื่นใต้น้ำ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กำลังรวบรวมให้มีการลาออกเกินครึ่งหนึ่งเพื่อบีบให้ต้องมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ ส่วนหวยจะมาออกที่ใคร ใครจะได้เป็นหัวหน้าพรรค

ซึ่งหากมองกลับไปตอนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้ลาออก ผลกจาการสู้ศึกเลือกตั้งพ่ายแพ้ ก็มีผู้เสนอตัวเข้าชิงตำแหน่งนี้ถึง 4 คน คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ,นายกรณ์ จาติกวณิช ,นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายพีรัพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งสมาชิกที่สนับสนุน ทั้ง 4 คนนี้ก็สู้กันอย่างดุเดือด สุดท้ายคะแนนก็เป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้สูงสุด นั่งหัวหน้าพรรค

 แต่เส้นทางนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทันทีที่หัวหน้าพรรคเริ่มงาน สมาชิกคนสำคัญของพรรค ก็ทยอยกันลาออกจากพรรคอย่างต่อเนื่อง อาทิ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายกรณ์ จาติกวิณิชย์ ,นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี หรือแม้แต่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็ลาออกด้วยเช่นกัน

จนกระทั่งมาถึงวัน สองวันนี้ กระแสการวิ่งลอบบี้ กรรมการบริหารพรรคให้ลากออกมีหนาหนูมาก เพราะ หัวหน้าพรรคท่านบริหารเฉพาะตัวท่านและกลุ่มก้อนของท่านเอง ไม่ดูแลเหลียวแลใยดีกับ สมาชิกพรรคคนอื่นๆเลย ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับส.ส.ในพรรค จนมีการเอาไปนินทาลับหลังว่า “ท่านหัวหน้า เหมาะจะเป็นรัฐมนตรีมากกว่าหัวหน้าพรรค”

ขาเม้าท์มอยส์ ยังยกตัวอย่างด้วยว่า นี่ดูช่วงโควิด หัวหน้าจุรินทร์ ได้นำข้าวสาร 25 ตัน ไปแจกให้ อบต.ทุกแห่งในพื้นที่ จ.พังงา ซึ่งเป็นพื้นที่เลือกตั้งของตัวเองเพียงจังหวัด โดยไม่ได้กระจายไปให้ทั่วภาคใต้ เหมือน สมัยที่ ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ที่จะมีมาก มีน้อย แบ่งจัดสรร ให้ครบถ้วนทั่วทุกตัวตน โดยไม่แบ่งเขาแบ่งเรา

หากถามว่า ถ้าเกิดมีคนทะลึ่ง ลอกเลียนแนวทางพรรคพลังประชารัฐแล้ว ทำจริงได้จริง แล้วใครจะเป็นหัวหน้าพรรค มองกลับไปที่ แคนดิเดต ชิงหัวหน้าพรรคครั้งก่อน กรณ์ จาติกวณิชย์ ปัจจุบัน ลาออกเป็นหัวหน้าพรรค กล้า ,นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ปัจจุบันก็ลาออก ไปช่วยงานพล.อ.ประยุทธ์ ช่วยงานรัฐบาล

 ก็คงเหลือ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งพาวเวอร์บารมี ก็ไม่ถึงที่จะบริหารพรรคได้ มองย้อนกลับไป ก็มี พี่มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่แหละ ที่ปัจจุบันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ยังไม่ไปไหนและยังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอยู่

 หากดูโครงสร้างของพรรคประชาธิปัตย์ก็พบมี กรรมการบริหารพรรค 39 คน ถ้าจะใช้สูตร พลังประชารัฐ ก็ต้องมีกรรมการบริหารพรรคลาออกเกินกึ่งหนึ่ง คือ 20 คน ก็ต้องดูว่า จะมีใครใจกล้าลาออกหรือไม่

เพราะล่าสุด หัวหน้าพรรคให้สัมภาษณ์สื่อ มั่นใจในคอนเนกชั่น และการบริหารสมาชิกพรรค ว่า มีเป็นข่าวปลอม ไม่มีคลื่นใต้น้ำ ไม่มีการกดดันตนด้วยการลาออกแต่อย่างใด

 แต่ของแบบนี้ ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก ถ้าพรรคพลังประชาชนรัฐ เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคให้ ก็ต้องได้หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคคนใหม่ โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ ก็มีสูง เพื่อให้สอดคล้องกับตำแหน่งใหม่ภายในพรรค

 ถ้า พรรคประชาธิปัตย์ มองเห็นโอกาส จะอาศัย ช่วงจังหวะนี้ เอาด้วย ปรับเปลี่ยนด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอย่าลืมว่า รัฐบาลผ่านงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ วิกฤตโควิด 4 แสนล้านแล้ว เงิน 4 แสนล้าน กระจายไปทั่วประเทศ มันหมายถึงโอกาส ใครก็มองเห็นโอกาสนี้กันทั้งนั้น อยู่ที่ว่า จะเดินหน้าลุยเต็มสูบ หรือไม่ เรื่องนี้ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ