หมอยกเคสโควิด-19 คร่าชีวิต พนง.ขับรถสาย 140 เป็นบทเรียน จำแนกกลุ่มเสี่ยงจากมากไปหาน้อย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 14 เมษายน 2563 รายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 34 ราย กลับบ้านแล้ว 1,405 เสียชีวิตเพิ่ม 1 รายรวมเสียชีวิตทั้งหมด 41 ราย ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

อ่านข่าว : ไทยติดเชื้อเพิ่ม 34 ราย ยอดสะสม 2,613 เสียชีวิต 1 ราย

 

โดย นพ.ทวีศิลป์ ได้พูดถึงกรณีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายล่าสุดซึ่งเป็นพนักงานขับรถเมล์สาย 140 เป็นหญิงอายุ 52 ปี สัญชาติไทย โดยมีโรคประจำตัวความดันสูง หัวใจโต ก่อนหน้านี้ได้มีการสังสรรค์ดื่มกับเพื่อนที่ติดเชื้อมาก่อนและพบว่าวงที่นั่งดื่มสังสรรค์ติดเชื้อ 10 ราย มีอาการแย่ลงหลังวันที่ 4 เมษายน และได้เสียชีวิต ในวันที่ 12 เมษายน 2563 ที่ผ่านมานั้น 

 

 

 

โฆษก ศบค. ระบุว่า กรณีนี้ ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ควรเรียนรู้ คือ การดื่มสังสรรค์ ดังนั้น การติดเชื้อโดยที่เราไม่รู้ เมื่อไปสังสรรค์กัน ก็เสี่ยง อย่างไรก็ตามคำถามที่ว่าทาง ขสมก.มีการปกปิดข้อมูลหรือไม่นั้น อันนี้ถือว่าหากมีการแจ้งต่อ สธ. หรือ สสจ. ก็ถือว่าได้แจ้งต่อหน่วยงานแล้ว ซึ่งทีมสอบสวนโรคได้เข้าไปติดตามกับผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมสังสรรค์ และอื่นๆ  ทุกคนถูกเก็บตัวอย่างไปตรวจหาเชื้อแล้ว หากมีผลออกมาเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบทันที

 

 

 

สำหรับประชาชนที่สงสัยว่านั่งโดยสารรถเมล์คันดังกล่าว หากมีอาการต่างๆ ให้เข้าไปขอตรวจได้เลยเช่นกัน โดยเคสนี้สามารถแบ่งกลุ่มเสี่ยงได้เป็น กลุ่มความเสี่ยงสูง , กลุ่มเสี่ยงปานกลาง และ กลุ่มความเสี่ยงต่ำ

 

 

 

- กลุ่มความเสี่ยงสูง : กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่ร่วมวงสังสรรค์กัน และมีพบการติดเชื้อไปแล้ว

 

 

- กลุ่มเสี่ยงปานกลาง : กระเป๋าที่ทำงานร่วมกัน ตอนนี้ยังไม่มีพบเชื้อ

 

- กลุ่มความเสี่ยงต่ำ : ผู้โดยสาร ซึ่งกรณีนี้ให้พิจารณาจาก เราขึ้นรถเมล์ไปอยู่ใกล้คนขับรถหรือไม่ , ขึ้นรถนานแค่ไหน และ มีการป้องกันหรือไม่

 

 

 

ดังนั้น กลุ่มนี้จึงขอให้เฝ้าสังเกตอาการตนเองไว้ก่อน หากมีอาการป่วยไม่สบาย ไอ เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ให้ไปพบแพทย์เลยทันที