ข่าว

เค้นสอบแม่มณีภาคเสธแค่เอาเงินมาลงทุน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แม่มณียังยิ้มร่าให้การภาคเสธ พบมีเงินเอาไปซื้อทรัพย์สินกว่า 60 ล้านบาท ผบช.ภ.4 ชี้ คดีนี้แชร์ลูกโซ่ร้อยเปอร์เซ็นต์

 

               เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี  พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังจากสอบปากคำ น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ หรือ แม่มณี ทิพย์ประเวช อายุ 30 ปี เจ้าของวงแชร์แม่มณี และนายเมธี หรือ บอส ชิณภา อายุ 20 ปี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาคดี “แชร์ออมเงิน - ออมทองแม่มณี” หลังขึ้นเครื่องบินแบบคาซา สนง.ตำรวจแห่งชาติ มาถึงที่กองบิน 23 อุดรธานี และถูกนำตัวมาที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี ซึ่ง พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ได้สอบสวนด้วยตัวเอง

 

 

 

               พล.ต.ท.เจริญวิทย์ แถลงว่า กรณีโกงแชร์แม่มณี หรือ น.ส.วันทนีย์ ตำรวจภูธรภาค 4 โดย สภ.เมืองอุดรธานี ได้ดำเนินการขอหมายจับ โดยศาลจังหวัดอุดรธานี ได้อนุมัติหมายจับ ที่ จ.261/2562 ให้จับกุมตัว น.ส.วันทนีย์ และหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.262/2562 ให้จับกุมตัวนายเมธี ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงประชน , ร่วมกันให้กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่จะน่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งตำรวจภาค 4 ได้จัดทีมติดตามจับกุม

               คดีนี้ สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดีมีผู้เสียหายเฉพาะที่อุดรธานี ทั้งหมด 232 คน มูลค่าความเสียหาย 128 ล้านบาท การขยายผลในการหาผู้ร่วมกระทำการนั้น ตำรวจได้เข้าค้นอาคารจำนวน 6 จุด เมื่อวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. พบหลักฐานจำนวนมาก ทั้งทรัพย์สิน เอกสาร อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะได้ตรวจสอบ ยึด อายัด เพื่อทำการสืบสวนขยายผลต่อไป เบื้องต้น ทราบว่า ได้จดทะเบียนเพื่อทำธุรกิจ ทั้งที่จดแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียน ทั้งขายน้ำปลาร้า เครื่องสำอาง อาหารเสริม ร้านทอง และบางธุรกิจมีหลายสาขา

 

 

 

               ขณะนี้ ได้อายัดอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา โดยมี น.ส.วันทนีย์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ 2 ห้อง และตึกอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จำนวน 1 คูหา น.ส.ธวัลรัตน์ ทิยพ์ประเวช มารดา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ จำนวน 1 คูหา รถยนต์ จำนวน 3 คัน ประกอบด้วย รถบีเอ็มดับเบิลยู 2 คัน รถเบนซ์ อีก 1 คัน มีที่ดินอีก 4 ไร่ 1 งาน ที่ถนนหมากแข้งอุดรธานี ซื้อมา 6.7 ล้านบาท ใช้ชื่อคนอื่นซื้อ รวมมูลค่าอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาได้ใช้เงินสดซื้อ และยังพบทรัพย์สินที่ซื้ออยู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดขอนแก่น รวมถึงที่ดินด้วย

               โดยพนักงานสอบสวนของอุดรธานี ได้สอบสวนผู้เสียหายจำนวน 200 กว่าปากแล้ว และจะนำผู้ต้องหาทั้งสองคนไปฝากขังในวันจันทร์นี้ และล่าสุดทางดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว และจะต้องนำสำนวนส่งมอบให้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอในวันที่ 16 พ.ย. นอกจากนั้นคดีจะต้องส่งมอบเอกสารหลักฐาน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คให้กับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยคดีนี้ตำรวจทำงานกันหลายภาค ทั้งภาค 1 ภาค 4 และภาคอื่น เพราะมีผู้เสียหายในคดีนี้ทั้งประหมดประมาณ 4,300 คน

 

 

 

               “คดีนี้คือคดีแชร์ลูกโซ่ดีๆ นี่เอง เอาเงินคนหนึ่งไปจ่ายเวียนให้คนอื่นๆ จนกระทั่งมันสะดุดล้ม และเจ้าตัวไม่รู้มาก่อนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเฝ้าดูอยู่ จนประมาณวันที่ 25 - 26 ตุลาคม ผู้ต้องหาได้ไปปรึกษาหลายคนและขาดการติดต่อไป หยุดใช้โทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ พยายามหลบหนีจนตำรวจตามจับตัวได้”

               สำหรับการเชื่อมโยงกับนายทุนคนอื่น และมีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าวว่า คงจะต้องสอบปากคำเพิ่มเติมและสอบสวนเพิ่ม ส่วนที่ผู้ต้องให้การปฏิเสธ ก็เป็นปกติอยู่แล้ว โดยวันนี้ น.ส.วันทนีย์ ยังร่าเริง คุยเก่งและบอกว่าไม่ได้ฉ้อโกง แค่เอาเงินไปลงทุนเท่านั้น  ส่วนสามีคือ นายเมธี ไม่ค่อยคุย ทำตามที่ภรรยาสั่งเท่านั้น แต่ไม่ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธหรือยอมรับ คดีนี้ก็เป็นคดีแชร์ลูกโซ่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และประเทศไทยเคยมีคดีแชร์ลูกโซ่มาก่อน ตั้งแต่คดีแม่ชม้อย คดีแชร์นกแก้ว แชร์ชาเตอร์ และมาถึงแม่มณี ตำรวจก็มีวิธีการดำเนินการดำเนินคดีในแบบเดียวกัน

 

 

 

               โดยคดีนี้ตำรวจได้เตรียมพนักงานสอบสวนไว้ทั้งหมด 20 คน เพื่อเร่งดำเนินการสอบปากคำในคดีนี้ และเท่าที่สอบถาม น.ส.วันทนีย์ เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีอะไร แม่มณีเป็นชื่อที่อุปโลกน์ขึ้นมา เป็นแชร์แม่มณี ไม่มีแม่มณีจริงๆ ไม่ได้มีตัวตนอะไรขึ้นมา ซึ่งเท่าที่สอบสวน น.ส.วันทนีย์ คือ ตัวการใหญ่ที่สุด แต่ก็จะสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีใครใหญ่กว่านี้ไหม

               “อยากจะเตือนประชาชนว่า ไม่มีธุรกิจไหนที่ให้ค่าตอบแทนมหาศาล ประชาชนต้องรู้เท่าทันและเตือนตัวเองด้วย ส่วนทองปลอมที่เห็นในไลฟ์สดเอามาจากขอนแก่น ขายเป็นกิโลกรัม เวลาไลฟ์สด จะมีการสอบถามคนที่ดูว่าอยากได้อะไรก็เอามาให้ ซึ่งตอนที่ไปตรวจค้นอาคารพาณิชย์ พบว่าร้านทองอยู่ชั้น 3 ซึ่งก็บอกเจตนาชัดเจนว่าต้องการหลอกลวงอย่างเดียว เจตนาอื่นไม่มี” พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าว

 

 

 

--------------------

เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์ ศูนย์ข่าวภาคอีสาน

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ