วินาทีนี้ต้องยอมรับกันแล้วว่าภายในปีหน้า 2565 หรือหลังจากเดือนมีนาคมปี 2566 จะต้องมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือทุกพรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัวหาเสียงกันอาจไม่ถึงปีด้วยซ้ำ หรืออาจจะแค่ปีกว่านิดๆ ดังนั้น การสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.แบบเต็มสูบ รวมถึงการงัดกลยุทธ์ของแต่พรรคการเมืองออกมาเรียกเรตติ้งและคะแนนนิยม จะกลายเป็นปรากฏการณ์เลือกตั้งรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจอย่างมาก
วันนี้ “เจาะประเด็นร้อน” โดย อักษร 8 ทิศ .. มีโอกาสจับเข่าคุยกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยป้ายแดงหมาดๆ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เพราะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนี้และประกาศให้โลกรู้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมานี่เอง .. เมื่อมีโอกาสได้คุยกันทั้งที มันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องคุยกันเรื่องเลือกตั้ง เรื่องแผนการชนะเลือกตั้งแบบแลนสไลด์ ที่ใคร ๆ ได้ยินคำนี้แล้ว ภาพของพรรคเพื่อไทยเป็นต้องผุดขึ้นในหัว ซึ่งพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าตัวเลขแลนด์สไลด์เอาไว้ว่าพรรคต้องได้ส.ส.จากการเลือกตั้งครั้งหน้าทั้งสิ้น 253 คน
“เป็นเป้าหมายของเราอยู่แล้ว.. ถ้าระบบเลือกตั้งเอื้ออำนวย บัตรเสียน้อย คนมาเลือกตามวัตถุประสงค์ มันก็ทำให้คำว่าแลนด์สไลด์ของเราเป็นไปได้จริงมากขึ้น”
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นักการเมืองหนุ่ม(เริ่ม)ใหญ่วัย 60 ปี ผู้มีฉายาจากสื่อมวลชนรัฐสภาว่า “ดาวสภา” บอกกับเราแบบตรงประเด็นว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ที่หันกลับมาใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ส่งผลอย่างมากที่จะช่วยทำให้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบทางการเมือง และอาจทำให้ชนะศึกเลือกตั้งได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยสำคัญที่ห้ามมองข้าม..
บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ.. ในแง่ของผู้ใช้สิทธิที่จะมาออกเสียงเลือกตั้ง ก็จะตรงกับความต้องการของตนเอง เพราะส.ส.มี 2 ประเภท คือส.ส.แบบเขตเลือกตั้ง และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ประชาชนก็มีสิทธิที่จะเลือกในสิ่งที่เขาต้องการ และวิธีเลือกไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา โดยระบบแล้วเนี่ย ถามว่าเพื่อไทยได้เปรียบหรือไม่ หรือมีโอกาสมากกว่าพรรคอื่นหรือไม่ สิ่งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับ
1. สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเป็นมา
2.การเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ พรรคที่จะได้เปรียบ ไม่ใช่เฉพาะเพื่อไทย แต่พรรคการเมืองที่ใหญ่สามารถส่งผู้สมัครส.ส.ได้ทุกเขต ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว พรรคการเมืองที่ใหญ่และเป็นที่รู้จัก มีผลงานชัดเจน พี่น้องประชาชนสนับสนุน อันนี้ก็มีโอกาสอยู่แล้ว
3.การสื่อสารทางการเมือง ถ้าพรรคไหนสามารถที่จะสื่อสารให้ประชาชนได้เข้าใจและเห็นภาพ โดยเฉพาะสิ่งที่เราจะบอกและเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ โดยเฉพาะนโยบายของพรรค ก็ย่อมทำให้เข้าถึงประชาชนได้มากกว่า
ดังนั้น เมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า รัฐธรรมนูญได้เปิดทางให้ใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ในส่วนของกฎหมายลูกประกอบการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในเร็ว ๆ นี้ มีการมองกันว่าอาจมีการเสนอให้ใช้บัตรเลือกตั้งแบบเบอร์เดียวทั้งประเทศ ในประเด็นนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกถึงแนวทางบัตรเบอร์เดียวว่า..
“ในส่วนของพรรคเพื่อไทยว่า เราเสนอร่างกฎหมายนี้อยู่แล้ว และก็สอดคล้องกับ กกต.ด้วย เพราะ กกต.เสนอว่าให้มีบัตรเลือกตั้งที่เป็นเลขเบอร์เดียวทั้งในส่วนของพรรคและผู้สมัคร ส.ส. เพื่อความสะดวกของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหลัก และสะดวกแก่พรรคการเมืองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ป้องกันความสับสนและป้องกันบัตรเสีย เพราะถ้าบัตรแยกกันจะเกิดความสูญเสียเยอะมาก ก็กำลังรณรงค์เรื่องนี้กันอยู่”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังชี้เป้าถึงโอกาสในการชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า เพื่อไทยเราเมื่อเปรียบเทียบแล้ว ไม่ว่าระบบเลือกตั้งจะเป็นแบบไหน เราก็ชนะเลือกตั้งมาตลอด แม้กระทั่งปี 2562 ที่ใช้วิธีเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว คือการเลือกตั้งแบบระบบจัดสรรปันส่วนผสม(MMA) แต่วิธีการคำนวณทำให้เราได้คะแนนไม่ถึงเป้าเพราะไปตัดสัดส่วนของส.ส.บัญชีรายชื่อเราไป แต่เมื่อเป็นระบบบัตร 2 ใบ เราก็น่าจะมีโอกาสมากกว่าพรรคที่ตั้งใหม่ มากกว่าพรรคที่ไม่ค่อยมีผลงาน มากกว่าพรรคที่ใช้กลไกอื่น ๆ กรณีที่ประชาชนเขาต้องการให้เราเป็นที่พึ่งที่หวังจริง เพราะประเด็นที่เรานำเสนอไม่ใช่แค่นโยบาย เรามีผลงานในอดีต บุคลากรของเรา คนของเราก็จะเป็นปัจจัย และเราจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ครบทั้ง 400 เขต
ชัดเจนแล้วว่าศึกเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ส.ส.ครบทั้ง 400 เขต อย่างแน่นอน ทีนี้เราลองมาดูจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยกันบ้างว่าจะทำให้ได้คะแนนจริง ไม่ใช่คะแนนทิพย์ดังที่คิดหวังไว้อย่างไร ซึ่ง นพ.ชลน่าน ชูจุดแข็งของพรรคให้ได้รู้ว่า จุดแข็งของเพื่อไทยที่ทำให้เรามีความมั่นใจว่าเราจะชนะเลือกตั้งคือ..
1.เรื่องนโยบายของพรรคเพราะเราเป็นพรรคการเมืองที่พี่น้องประชาชนว่าเป็นนโยบายที่จับต้องได้ นโยบายที่กินได้และเป็นภาพที่เราประสบผลสำเร็จมาแล้วในอดีต ถึงแม้นโยบายที่ทำจะนานแล้ว และคู่แข่งพยายามจะทำลายนโยบายของเรา เช่น โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค หรือโอทอป (โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์) ก็ยังอยู่ ก็ถือเป็นจุดแข็ง
2.ความที่เป็นเพื่อไทยที่เราอยู่กับพี่น้องประชาชนมาตลอด ตัวสัญลักษณ์เพื่อไทย แบรนด์เพื่อไทย ยังเป็นจุดแข็งเพราะเรามีส.ส.ในพื้นที่มากที่สุด เราวาง ส.ส.ลงเขตให้มากที่สุดทั้ง 400 เขต อันนี้คือจุดแข็ง รวมทั้งเรื่องเครือข่ายของเราด้วย และ
3. เราคิดว่าการสื่อสารทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทางแนวราบ หรือทางโซเชียลมีเดีย อันนี้เราก็ไม่น้อยกว่าพรรคไหน ทั้ง 3 เรื่องนี้ถือเป็นจุดแข็งของพรรค
ในส่วนจุดยืนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำว่าเราเป็นพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ยึดมั่นในระบอบการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นพรรคที่ยึดเอาพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เราก็จะส่งเสริมให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ให้พี่น้องประชาชนมีสิทธิ์ มีเสียง เข้ามามีส่วนร่วมในการจะพัฒนา
“จุดยืนของเราต้องการเป็นสถาบันการเมือง ที่ทำให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ยั่งยืนที่สุด ทำงานอย่างมีแบบแผนที่สุด ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย เราจะรักษาซึ่งสิทธิ เสรีภาพของประชาชน เคารพตรงนั้น”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำถึงสิ่งที่พรรคจะทำให้กับประชาชนชาวไทยด้วยว่า “อำนาจอธิปไตยหมายถึงอำนาจในการปกครองประเทศ ที่ทุกท่านจะมอบอำนาจให้ตัวแทนของท่านมาใช้อำนาจแทน ต้องคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าคนนั้น เป็นตัวแทนของท่านจริงหรือไม่ แล้วนำอำนาจนั้นมาจัดสรรผลประโยชน์ให้ท่านจริงหรือไม่ พรรคเพื่อไทยเราตอบคำถามนี้ได้ เราเป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชาชน เรามีความมุ่งมั่นว่าถ้าเราได้อำนาจนั้นแล้ว เราจะคืนสิ่งที่เป็นประโยชน์สุขคืนแก่พี่น้องประชาชนโดยรวม ไม่เลือกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เรามุ่งมั่นและมั่นใจที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชนในการเอาอำนาจของท่านนั้นมาทำให้เป็นประโยชน์”
เมื่อพูดถึงการเลือกตั้งสนามใหญ่ ก็ต้องถามถึงการเลือกตั้งสนามท้องถิ่นอย่างศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. ด้วยเช่นกัน ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกสั้นๆ ว่า ขณะนี้คณะทำงานของพรรคกำลังพิจารณากันอยู่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเราจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ หรือจะส่งใคร แต่ในส่วนของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) นั้น เราส่งผู้สมัคร ส.ก.ทุกเขต
ถ้าพูดถึงพรรคฝ่ายค้าน ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และเป็นพรรคการเมืองที่มีพัฒนาการของพรรคอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากอดีตที่เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลและได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อพรรค โครงสร้างพรรค หรือแม้แต่ผู้บริหารของพรรคในรอบกว่า 20 ปีเลย ตั้งแต่เดิมที่ชื่อพรรคไทยรักไทย มาสู่พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน และในยุคสมัยนี้ที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีอิทธิพลสูงต่อการเลือกตั้ง ทุกกลยุทธ์คงจะถูกนำมาใช้แบบไม่ยั้ง !!
แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของพรรคเพื่อไทยอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” จะไม่พูดถึงเลยก็คงแปลก และยิ่งถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งชนะแบบแลนด์สไลด์ โอกาสที่จะหาวิธีหรือช่องทางให้อดีตนายกฯ “ทักษิณ” กลับเมืองไทยก็มีความเป็นไปได้สูง ในเรื่องนี้ นพ.ชลน่าน แม่ทัพเพื่อไทย บอกว่า..
“หลายคนอาจจะมีความคิดความเห็นว่า พรรคเพื่อไทยต้องพาอดีตนายกฯ ทักษิณ กลับมา.. จริง ๆ ไม่ใช่แค่เพื่อไทยหรอก แต่คนที่รักทักษิณ คนที่อยากให้ท่านได้กลับมาพัฒนาบ้านเมือง ก็ล้วนแต่อยากให้ท่านกลับมา ฉะนั้นไม่ต้องถาม แต่ถ้าจะกลับมา จะมีวิธีการอย่างไร ในรายละเอียด ช่องทางต่อไป ทำได้ไหม และมีช่องทางที่เปิดกว้างหรือไม่ ก็ต้องไปดูในรายละเอียดด้วย”
ตอบชัด ๆ กันไปแล้วว่ามีหลายคนที่ต้องการให้อดีตนายกฯ ทักษิณ กลับมา ส่วนจะกลับมาในรูปแบบใดนั้น กฎหมายนิโทษกรรม ก็อาจเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้อดีตนายกฯ ทักษิณ กลับมาได้ หากมีการแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรม ในประเด็นนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบแบบไม่ลังเลว่า จริง ๆ เรามองภาพรวม เพราะมันมีกฎหมายหลายฉบับที่จะต้องแก้ไข อันไหนที่ไม่สอดคล้อง ใช้แล้วไม่เกิดประโยชน์ ใช้แล้วเป็นโทษ เราก็มีความมุ่งหวังที่จะแก้อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่กฎหมายนิรโทษกรรม หรือกฎหมายอื่น ๆ
“การนิรโทษกรรมเป็นเรื่องที่ดี ที่ให้โอกาส โดยเฉพาะหลายคนที่ถูกตีตราว่าเป็นนักโทษทางความคิด นักโทษทางการเมือง ก็จำเป็นต้องเข้าไปดูในรายละเอียด”
ก่อนจบบทสนทนา.. เราถามถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันชัดเจนว่า .. “เราเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถาบันกษัตริย์ก็ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูน เป็นองค์พระประมุขของประเทศ เรามีจุดยืนอยู่แล้ว แต่เราจะทำยังไงให้องค์ประมุขของประเทศอยู่ในตำแหน่งแห่งหนที่เหมาะสม ไม่ถูกใครก็ได้เอาไปอ้าง เอาสถาบันมาปนเปื้อนกับการเมือง อันนี้เราจะทำให้ใสสะอาดขึ้น เราต้องปกป้องสถาบันไม่ให้เข้ามาแปดเปื้อน ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจากคนที่ไม่หวังดีกับสถาบัน อันนี้เราต้องช่วยกัน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง