วิปรัฐบาลเคาะกม.เลือกตั้งให้พรรคเล็กมีเอี่ยวได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสแบบปัดเศษ
คณะทำงานวิปรัฐบาลเคาะใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยปัดเศษพรรคเล็กให้ได้ส.ส. 1 คนด้วย แต่ใช้เฉพาะในกรณีที่มีจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อยังไม่ครบ 100 คน พร้อมเตรียมเสนอร่างเข้าสู่สภาในเดือนมกราคมปี 65
นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานวิปรัฐบาล เพื่อยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ใช้ในการเลือกตั้งว่า จากกรณีที่กลุ่มพรรคเล็กร่วมรัฐบาล ได้เสนอความเห็นและประเด็นที่ต้องการให้บัญญัติไว้ในร่าง พ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับ คือร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่วิปรัฐบาลจะเสนอต่อประธานรัฐสภา ล่าสุดมีความเห็นที่เป็นข้อยุติร่วมกันแล้ว ดังนี้
1.ประเด็นการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะกำหนดวิธีคิดคำนวณ ที่มีหลักการว่าให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าคะแนนหารเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน มีสิทธิ์ได้ส.ส. โดยมีเงื่อนไขคือ จะใช้ในกรณีที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ครบ 100 คน โดยให้ใช้คะแนนของพรรคเรียงลำดับตามสัดส่วนคะแนนที่ได้รับ เพราะเศษคะแนนของพรรคที่ได้ไม่ถึงคะแนนเฉลี่ย เมื่อรวมคะแนนที่ประชาชนเลือกควรได้ส.ส. ด้วย
2.สิทธิส่งผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ส่ง ส.ส.เขตแล้ว ทั้งนี้ไม่ได้กำหนดจำนวนเขตที่ให้ส่งผู้สมัครส.ส.ไว้ ดังนั้นจึงหมายความว่า ส่ง ส.ส. 1 เขต สามารถส่งส.ส.บัญชีรายชื่อได้
3.การคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. หรือ ไพรมารี่โหวต จะยังคงใช้หลักการการคัดสรรเบื้องต้น แต่ได้ปรับเกณฑ์การสรรหาโดยให้สิทธิตัวแทนประจำจังหวัด จำนวน 150 คน จากเดิมที่กำหนดให้ใช้ตัวแทนจากเขตเลือกตั้ง เขตละ 100 คน หรือใช้สาขาพรรค ที่กำหนดจำนวน 500 คน
4.การชำระค่าธรรมเนียมของสมาชิกพรรค จากกฎหมายเดิมกำหนดให้ชำระแบบรายปี ปีละ ไม่ต่ำกว่า 50 บาท หรือตลอดชีพ 1,000 บาท โดยจะปรับให้เป็น 200 บาทตลอดชีพ
5.ข้อกำหนดให้พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกพรรคเพื่อดำรงสถานะความเป็นพรรคการเมือง ที่กำหนดให้ภายใน 5 ปี ต้องหาสมาชิกพรรคให้ได้ 30,000 คน เปลี่ยนเป็น ภายใน 1 ปี ต้องมีสมาชิก 2,000 คน และภายใน 3 ปี มีสมาชิก 5,000 คน
นายโกวิทย์ กล่าวด้วยว่ายังมีประเด็นที่คณะทำงานเห็นไม่ตรงกัน และต้องถกในรายละเอียดอีกครั้ง คือ ประเด็นว่าด้วยการกำหนดหมายเลขผู้สมัคร ส.ส. ที่พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการให้แยกหมายเลข ระหว่าง ส.ส.เขต และแบบบัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคอื่นเห็นด้วยให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้ง ผู้สมัครแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ อย่างไรก็ดีในประเด็นที่เห็นต่าง หากไม่ได้ข้อสรุปได้ตกลงว่าจะให้แต่ละพรรคใช้กลไกของกรรมาธิการ และการแปรญัตติพิจารณา
“จากการหารือของคณะทำงาน ขณะนี้ให้ฝ่ายเลขาคณะทำงาน ยกร่างเนื้อหาแล้ว และในการประชุมสัปดาห์หน้าจะนำเนื้อหาเสนอเพื่อพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปจะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้งหารืออีกครั้ง และคาดว่าจะเสนอร่างแก้ไขต่อรัฐสภาได้ช่วงเดือนมกราคมปี 65” นายโกวิทย์ กล่าว