ชีวิตดีสังคมดี

อนุญาตใส่ไปรเวทส่งสัญญาณดี 'ระบบการศึกษา' อยู่ในจุดปะทะเพื่อเปลี่ยน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นักวิชาการด้านการศึกษาวิเคราะห์อนุญาตใส่ชุดไปรเวทมาโรงเรียน สัญญาณดีของ 'ระบบการศึกษา' อาจเต็มไปด้วยอุปสรรแต่อยู่ในจุดปะทะเพื่อเปลี่ยนจับตาหลังตั้งรัฐบาลเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา ในฐานะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)  ให้สัมภาษณ์กับคมชัดลึก ว่า  การที่สถานศึกษาหลายแห่งเริ่มมีคำสั่งให้นักเรียนแต่งชุดไปรเวทมาเรียนถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีใน "ระบบการศึกษา" เพราะที่ผ่านมาการปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทยมีความอึมครึมมานาน และย้ำอยู่กับที่มากว่า 8 ปี ทำให้หลังจากที่มีการเลือกตั้งไปแล้ว เกิดการส่งเสริมและพลังของคนุ่นใหม่ กลับมาขับเคลื่อนระบบการศึกษาของไทย โดยการที่นักเรียน หรือ คนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหว แสดงความเห็นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษา  

 

นักวิชาการด้านการศึกษา อธิบายเพิ่มเติมว่า ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกของการเปลี่ยนผ่านจะต้องเกิดการปะทะกันบ้างเพราะในช่วงเปลี่ยนผ่านจะเป็นช่วงของการต่อสู้กันระหว่างสิทธิเด็กและอำนาจนิยมแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องทรงผม เครื่องแบบ ที่ถูกกดเอาไว้ด้วยระบบอำนาจนิยม ซึ่งส่งผลให้ "ระบบการศึกษา" ไทยเปลี่ยนได้ยากที่สุด แต่หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เชื่อว่าตะเกิดการเปลี่ยนแปลงใน "ระบบการศึกษา" อย่างรวดเร็วภายใน 100 วัน  แบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน  ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับคุณภาพด้านการศึกษาของเด็กไทย 

หลายคนอาจะยังกังวลว่า หาก "ระบบการศึกษา" เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจะทำให้เด็กไทยปรับตัวไม่ทันหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เด็กไทยยังคุ้นชินกับรูปแบบการศึกษาแบบเดิมๆ ที่ฝั่งรากลึกมานานนับหลายสิบปี  ศ.ดร.สมพงษ์ อธิบายว่า การปรับตัวของนักเรียนจะมีให้เห็นบ้าง เพราะปัจจุบันยังมีความเหลื่อมล้ำอยู่โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กในชนบท โรงเรียนระดับอำเภอที่อาจจะปรับตัวได้ช้าหน่อย  ส่วนโรงเรียนขนาดใหญ่จะสามารถปรับตัวได้ดีกว่า ถึงแม้ว่าจะปรับตัวได้ช้าแต่หากข้ามผ่านช่วงปรับเปลี่ยนไปได้ จะทำให้การเรียนของเด็กๆ  มีสีสรร ฉูดฉาด และสามารถปรับตัวเข้ากับโลกได้ดีขึ้น  เราจะได้เห็นการมีส่วนร่วมของนักเรียนมากยิ่งขึ้น ตนคาดว่านับจากนี้ไปอีก 2 ปี เราจะมองเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาเหมือนปากว่าตาขยิบ และเกิดการกดทับมาเป็นเวลานาน 

 

 

เมื่อถามว่าการปฏิรูปการศึกษาไทยควรจะเกิดขึ้นในทุกๆ กี่ปี ศ.ดร.สมพงษ์ บอกว่า จริงๆแล้วระบบการศึกษาไทยควรจะเปลี่ยนทุกๆ 2-5 ปี เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก  แต่ที่ผ่านมาระบบการศึกษาไทยไม่ได้มีการเปลี่ยนแผนมานานเกือบ 30 ปี เท่าที่จำได้มีการเปลี่ยนระบบการศึกษาล่าสุดเมื่อปี  2542 ช่วงที่มีการเปลี่ยนพ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ 2542  แต่ในความเป็นจริงโลกหมุนเร็วและเปลี่ยนไปเร็วมาก  ดังนั้นระบบการศึกษาและหลักสูตรจะต้องปรับเปลี่ยนให้ทัน เพื่อประโยชน์ของด็กนักเรียน 

 

 

"การแต่งไปรเวทไปเรียน นับถว่าเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนผ่านจากระบบการศึกษาแบบเดิมไปสู่การศึกษาแบบใหม่ แม้ช่วงแรกจะเต็มไปด้วยอุปสรรค การไม่เห็นด้วยของครู ผู้ปกครอง ที่สิ่งสำคัญที่ต้องฟังคือเสียงของเด็กนักเรียน  ที่ผ่านมาเด็กๆ ถูกคิดแทนไปหมดแล้ว นับจากนี้ต่อไปจะเป็นเวลาของพวกเขาอย่างแท้จริง" ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ