คอลัมนิสต์

เปิดสูตร ปรับ ครม.ประยุทธ์  

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกฯบอกแล้วว่าจะ"ปรับ ครม."และดึง"คนนอก"เข้ามา"สูตรปรับ ครม."ครั้งนี้น่าจะมี 5 คน 6 ตำแหน่งและเมื่อนายกฯดึง"คนนอก"เข้ามาซึ่งคาดว่าเป็นตำแหน่งรองนายกฯควบรมว.คลังและอีกเก้าอี้คือรมว.พลังงาน โควตาที่เป็นของ พปชร.จึงเหลือเพียง 2 เก้าอี้ ส่วนอีก1 เป็นของ รปช.

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ยอมรับแล้วว่าจะ “ปรับ ครม” โดยเร็วที่สุด ไม่เกินสิงหาคมนี้  หลังจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกฯดูแลเศรษฐกิจ , นายอุตตม สาวนายน  รมว. คลัง ,นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์  รมว. พลังงานและนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลาออกไป  

 และยังบอกว่า มีการทาบทาม”คนนอก” มาร่วม ครม. แถมย้ำเสียด้วยซ้ำว่าเป็น “สัดส่วนของตน” โดยรอคำตอบจากคนที่ถูกทาบทามอยู่ให้เวลาเขาตัดสินใจ ซึ่งรวมถึงคนที่จะมาดูในเรื่องเศรษฐกิจ  

 และเมื่อนักข่าวถามเจาะจงไปที่ รมว.กระทรวงพลังงานที่ก่อนหน้านี้มีข่าวแย่งเก้าอี้ตัวนี้กันอย่างหนัก นายกฯพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ผมพิจารณาของผมเอง”

 ถึงตอนนี้ มาลองวิเคราะห์ “สูตรปรับ ครม. “ ว่าน่าจะออกมาอย่างไร

 แน่นอนว่าในส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์  พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พอใจในโควตาที่ได้ดูแลกระทรวงตามที่พรรคตนต้องการแต่เดิมอยู่แล้วจึงจะไม่มีการขยับในการขอปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในครั้งนี้ ส่วนพรรคเล็กที่รวมตัวกันสนับสนุนรัฐบาล  ก็คงชวดเก้าอี้”รัฐมนตรี” อีกเช่นเคย

 การปรับครม. ในครั้งนี้ จึงอยู่ในส่วนรัฐมนตรีของ”พรรคพลังประชารัฐ” และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ( รปช. ) เท่านั้น รวมทั้งสิ้น 5 คน  6 ตำแหน่ง  แทนนายสมคิด  นายอุตตม นายสนธิรัตน์  นายสุวิทย์ และ ม.ร.ว. จัตุมงคล  โสณกุล   

โดยในส่วนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย  ก่อนหน้านี้  ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน   ได้ลาออกจากหัวหน้าและสมาชิกพรรคฯ และทางพรรครวมพลังประชาชาติไทย ใช้สิทธิโควตารัฐมนตรีของพรรคเสนอชื่อ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ต่อนายก  แต่ไม่ได้ระบุว่า ต้องได้นั่ง “รัฐมนตรี “กระทรวงใด

คราวนี้มาดูในส่วนของ”พรรคพลังประชารัฐ”  4 ตำแหน่ง จะมีใครเข้ามานั่งเป็น “รัฐมนตรี” น่าจับตาอย่างยิ่ง

ตำแหน่งรองนายกฯดูแลเศรษฐกิจควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง น่าจะตกเป็นของ นายปรีดี ดาวฉาย  กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย  โดยนายกฯใช้สิทธิ”โควตากลาง”ซึ่งเป็นของนายกฯ ดึง”คนนอก”เข้ามา ซึ่งนายปรีดี ชื่อชั้นเป็นที่ยอมรับเพราะบริหารธนาคารขนาดใหญ่มาได้

ส่วนเก้าอี้ รมว.พลังงาน ที่ก่อนหน้ามีการแย่งกันมาก ใครๆก็อยากมานั่ง  มาถึงตอนนี้ นายกฯ ก็พูดชัดแล้วว่า “ผมพิจารณาของผมเอง” แสดงว่านายกฯ จะใช้สิทธิ”โควตากลาง”ซึ่งเป็นของนายก ดึง “คนนอก” มานั่งเก้าอี้ตัวนี้ ซึ่งก็คือนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร  อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นมืออาชีพด้านพลังงานและอดีต รมช. คมนาคม  ชื่อชั้นเป็นรัฐมนตรีพลังงาน ได้แน่นอน

ดังนั้นในส่วนโควตาที่คนของ”พรรคพลังประชารัฐ”ได้นั่งเก้าอี้ “รัฐมนตรี” ในการปรับ ครม.ครั้งนี้  น่าจะมีเพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้นและ 2 เก้าอี้นี้ น่าจะตกเป็นของนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐและนายสุชาติ ชมกลิ่น  รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 

แต่เนื่องจากเก้าอี้ รมว.พลังงาน ตกเป็นของ”คนนอก”ไปแล้ว ก็ต้องหาที่ลงให้นายอนุชา โดยอาจไปนั่งเป็น”รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ"ซึ่งขณะนี้ “รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ” มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ จากพรรคชาติพัฒนา

ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น ครั้นจะให้ไปนั่งเป็น รมว.อุดมศึกษาฯ ก็คงไม่เหมาะสม ดังนั้นอาจต้องมีการเจรจาแลกกระทรวงกับทางพรรค รปช. โดยให้ ดร.เอนก  ซึ่งเป็นอาจารย์ เป็นนักวิชาการอยู่แล้ว ไปนั่งเป็น รมว.อุดมศึกษาฯ แล้วให้นายสุชาติ  เป็น รมว. แรงงาน ซึ่งนายสุชาติ เคยมีชื่อติดโผจ่อเป็น รมว. แรงงาน มาแล้ว

เมื่อปรับ ครม.เรียบร้อย ก็เป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์  นายกฯที่จะนำ”รัฐนาวา” ไปถึงฝั่งให้ได้  ซึ่งตอนนี้ปัญหาของบ้านเมืองหนักหนาสาหัสจริงๆ พล.อ. ประยุทธ์ จะยังไหว เอาอยู่หรือไม่... เป็นโจทย์ที่ท้าทายยิ่ง

 

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ