
นักวิชาการแคนาดา คาดประชาธิปไตยอเมริกาล่ม อยู่ใต้ "เผด็จการฝ่ายขวา" ใน 8 ปี
บทความที่กำลังถูกกล่าวขานในแวดวงผู้สนใจการเมืองอเมริกัน นักรัฐศาสตร์แคนาดาออกมาเตือน สหรัฐอเมริกา อาจอยู่ภายใต้ "เผด็จการฝ่ายขวา" ภายในปี ค.ศ.2030 เพื่อนบ้านควรเตรียมรับแรงกระเพื่อม
เจ้าของคำทำนายนี้คือ โทมัส โฮเมอร์-ดิกสัน ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งสถาบัน Cascade มหาวิทยาลัย รอยัล โรดส์ จังหวัดบริทิช โคลัมเบีย ที่เขียนบทแสดงทัศนะ เผยแพร่บนเวบไซต์ Globe and Mail เพื่อเรียกร้องรัฐบาลแคนาดา เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน ผู้เขียนคาดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี ค.ศ.2024 และสภานิติบัญญัติที่รีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ ปฏิเสธยอมรับชัยชนะของพรรคเดโมแดรต เขามองว่า ทรัมป์จะมีเป้าหมายเพียง 2 ประการ คือแก้มือกับแก้แค้น จากผลเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 ที่โจ ไบเดน ชนะ แต่ทรัมป์โหมความเชื่อว่าเป็นการเลือกตั้งที่ฉ้อฉลถูกปล้นชัย
ตลอดปีที่ผ่านมา แคนาดามุ่งสนในแต่เรื่องภายในบ้าน ภัยท้าทายจากโควิด-19 การเยียวยาอดีตและผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง บัดนี้ จะต้องเริ่มตระหนักขนาดของภัยอันตรายจากเพื่อนบ้านทางใต้ หากทรัมป์ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง
โฮเมอร์ ดิกสัน ระบุว่า ในฐานะนักวิชาการที่ศึกษาความขัดแย้งรุนแรงกว่า 40 ปี และมีงานเขียนเกี่ยวกับการล่มสลายทางสังคมและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เขาพบสัญญาณเตือนหลายอย่างเด่นชัดมาก และแคนาดาจะต้องไม่ปัดความเป็นไปได้เหล่านี้ “เพียงเพราะคิดว่าเป็นเรื่องน่าหัวเราะ หรือสะพรึงเกินกว่าจะจินตนาการถึง” หากย้อนไปในปี 2014 การคาดการณ์ที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี ถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ ณ วันนี้ เราอยู่ในโลกที่ความไร้สาระ กลายเป็นเรื่องจริงและเกิดขึ้นบ่อยอย่างน่าสะพรึง ขณะคาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 ประชาธิปไตยอเมริกาอาจล่มสลาย ก่อความไร้เสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ รวมถึงความรุนแรงในหมู่พลเรือน และอยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการฝ่ายขวา ภายในปี 2030
สัญญาณเตือนและเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การเมืองในสหรัฐ เช่น รายได้ชนชั้นกลางชะงักงัน ทรัมป์กับเหล่าสาวกอย่างพิธีกรรายการข่าว ทักเกอร์ คาร์ลสัน ทางฟอกซ์นิวส์ และ ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐจอร์เจีย มายอรี เทย์เลอร์ -กรีน จอมแพร่ทฤษฎีคบคิดที่เพิ่งถูกทวิตเตอร์แบนถาวร ใช้ความกลัวกับความโกรธของประชาชนเป็นอาวุธ เปลี่ยนโฉมพรรครีพับลิกัน เป็นลัทธิบูชาตัวบุคคลใกล้เคียวกับฟาสฟิสต์มากขึ้นทุกที และเป็นเครื่องมืออย่างดีในการทำลายประชาธิปไตย
"หากทรัมป์ได้รับเลือกกลับมาอีกครั้งต่อให้คาดการณ์ในแง่ดี ประเทศของเรา (แคนาดา) ก็ยังเผชิญความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจแบบนับไม่ถ้วน"
หากหวนคืนทำเนียบขาว ทรัมป์จะเป็นลูกบอลทำลายล้างประชาธิปไตย กระบวนการที่จะก่อความยุ่งเหยิงทางการเมืองและสังคมผ่านการสกัดกั้นฝ่ายค้าน จ้องคุกคาม ปลดข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และเทคโนแครต ที่กำกับดูแลสถาบันหลักที่วางตัวเป็นกลางและยึดหลักนิติรัฐ ลัทธิทรัมป์ (Trumpism) คล้ายกับลัทธิฟาสซิสม์มากขึ้นทุกทีในแง่ของการดูหมิ่นหลักนิติรัฐ และเชิดชูความรุนแรง นำเสนอตนเองว่าเป็นคนกลุ่มเดียวที่รักชาติ ปกป้องค่านิยมและประวัติศาสตร์อเมริกันอย่างถึงแก่น ขณะที่พรรคเดโมแครต เอาใจชนกลุ่มน้อยที่ไม่เคยเข้าใจหรือสนับสนุนค่านิยมอเมริกันอย่างแท้จริง
เหตุการณ์บุกและจลาจลที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เกิดขึ้นบนชุดความคิดเหล่านี้ คนที่เข้าร่วมไม่ได้คิดว่าพวกเขากำลังโจมตีประชาธิปไตยสหรัฐ แต่เชื่อว่าเป็นการแสดงออกถึงรักชาติและจำเป็นต้องทำเพื่อรักษาประชาธิปไตย
อีกด้าน สำนักข่าว VOA ภาคภาษาไทย รายงานว่า ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในช่วงใกล้ครบรอบเหตุจลาจล 6 ม.ค.2021 พบว่าชาวอเมริกันเกือบ 2 ใน 3 เชื่อว่า ประชาธิปไตยของสหรัฐฯ “ตกอยู่ในภาวะวิกฤตและกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะพังทลายอยู่” ขณะที่เกือบ 1 ใน 3 ระบุว่า ความรุนแรงทางการเมืองนั้น บางครั้งเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้นและยอมรับได้