จับอาการ"ม็อบสามนิ้ว" หลังถูกทลายนั่งร้าน สะเทือนถึงคนเบื้องหลัง
ตอนนี้จังหวะขยับปลุกมวลชน"ม็อบสามนิ้ว"นั้น จะพบเพียงการเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล แต่แทบไม่กล้ามายืนกับผู้ชุมนุม
"เมื่อต้นปีนี้เป็นช่วงเวลาที่"ม็อบ3 นิ้ว" เริ่มแผ่วลง เพราะแกนนำ ทั้งม็อบ และ การ์ด ทยอยกันเข้าไปอยู่ในเรือนจำ....
....แต่ม็อบจะต้องมีต่อไป เพื่อกดดันไม่ให้รัฐบาล ทำอะไรได้สะดวก บางพวกก็ออกมาทำม็อบเพื่อ หาเสียงให้พรรคการเมืองตั้งใหม่...."
เนื้อความข้างต้น เป็นบางห้วงบางตอนการวิเคราะห์สถานการณ์"ม็อบสามนิ้ว" ตามที่"พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์" อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว
นั่นเป็นการสะท้อนสถานการณ์การเคลื่อนไหวของมวลชน"ม็อบสามนิ้ว"ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันได้อย่างเด่นชัด
จากความพยายามของกลุ่มนักการเมือง นักวิชาการ ที่มีแนวคิดปฏิรูปสถาบัน ด้วยการจุดชนวนจากการขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปเสียก่อน โดยพยายามหล่อหลอมแนวความคิดให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการอ้างว่า เป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย มีการผลิตกิจกรรมสร้างความเกลียดชังผู้มีอำนาจรัฐผ่านสื่อโซเชียลเพื่อให้เกิดภาพจำฝังลึกลงในสมอง ซึ่งในช่วงแรกๆ ดูได้ผล มีผู้ติดตามจากหลากพื้นที่
แต่ระยะหลังเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ เพราะเหตุจากการระเบิดความรุนแรง จนไม่อยู่ในสภาพควบคุมคำว่า "สิทธิเสรีภาพการแสดงออก ต้องอยู่ภายใต้กรอบกติการัฐธรรมนูญ"
หากมองไปวันก่อนจะพบว่าคีย์แมน"ม็อบ"มากันเพียบและพร้อมขยับกันทุกวี่วัน แต่เมื่อเจอข้อกล่าวหาต่างๆนานา บางคนไปรับทราบข้อกล่าวหาและขอประกันตัว แล้วอยู่นิ่งๆ บางคนวืดประกันต้องไปอยู่เรือนจำหลายวันกว่าจะได้การประกันตัว บางคนเข้าๆออกๆหลายรอบแล้วไม่เข็ดแถมยังใช้สื่อออนไลน์ปั่นกระแส แม้ตัวเองจะอยู่ในทัณฑสถาน
เอาง่ายๆเบอร์ใหญ่อย่างณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-บก.ลายจุด-ทราย เจริญปุระ-น้องมายด์-รุ้ง ปนัสยา ฯลฯ ตอนนี้จังหวะขยับปลุกมวลชนนั้น จะพบเพียงการเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล แต่แทบไม่กล้ามายืนกับผู้ชุมนุม
เนื่องจากข้อกล่าวหาติดตัวเป็นหางว่าว และหากไปเพิ่มกระทงความผิดก็คงไม่ใช่ผลดีกับตัวเองเท่าที่ควร
รวมทั้งเอ็นจีโอด้านสิทธิมนุษชนทั้งในและต่างประเทศ แทบจะเงียบสนิทในการเรียกร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงกับ ผู้ชุมนุม
หรือแม้แต่ผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลก็แทบไม่เจอการไปสังเกตการณ์ในการชุมนุมรายวัน แต่มักจะโชว์เก๋าบนพื้นที่ออนไลน์ของตัวเองหรือบนโพเดียมย่านเกียกกาย
ที่น่าขำเล็กๆ คือยามที่กล่าวหาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ใช้กำลังเกินกว่าเหตุแต่เมื่อมีการแสดงหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีกับผู้ถูกกล่าวหาครั้งใด ส.ส.ขั้วสีส้มไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบกับกายกรรม-นโนกรรม-วจีกรรมที่พาดพิงตำรวจในเชิงเสียหายเลย
แบบนี้แปลว่าม็อบสามนิ้วโดนเท....?
เพราะตอนนี้บรรดาบุคคล-องค์กรที่ระบุในข้างต้นน่าจะรู้ดีแก่ใจว่าบรรดาผู้ชุมนุม-เยาวชนที่ขับขี่รถยนต์-จักรยานยนต์ในช่วงเย็น-ดึกดื่นปั่วนเมืองด้วยหนังสติ๊ก-ลูกแก้ว-ก้อนหิน-ประทัด-พลุ-และระเบิดปิงปองที่ประกอบเอง แม้แต่ปืนก็โดนรวบมาเรื่อยๆ โดยจะพบว่าการป่วนเมืองของมวลชนสามนิ้วนั้น ความเสียหายในทรัพย์สินทางราชการรวมทั้งชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ปรากฏเนืองๆ จนวันนี้ชาวบ้านร้านตลาดได้รับผลกระทบหลายเรื่องจากการชุมนุมคราวนี้
แม้มวลชนสามนิ้วจะมีการอ้างว่าเดือดร้อนจากรัฐบาลชุดนี้และไม่มีการสนองตอบในสามข้อเรียกร้องตั้งแต่ปีที่แล้ว-ปัจจุบัน การใช้ความรุนแรงในการชุมนุมจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ชุมนุมต้องแสดงออก...แต่ถามจริงๆหากมีการสนองตอบจากบางฝ่าย ใครคือตัวแทนแกนนำม็อบสามนิ้วที่จะไปเจรจา?เพราะในแต่ละการชุมนุมจะพบการเขม่นกันเองเนืองๆจากคนที่อ้างว่าตัวเองคือแกนนำการชุมนุม และในความจริงทางกฎหมายแล้วหากพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นแกนนำการชุมนุมนั้น ฐานความผิดจะทวีคูณ แบบนี้ใครจะกล้าออกตัว
แปลความว่าไร้การรับผิดชอบจากการสั่งการชุมนุม เพราะรู้อยู่แล้วว่า คุมไม่ได้-เสี่ยงสูงแบบอัตราทวีคูณกับฐานความผิด
มีการพูดกันว่า การรับงานคุมการชุมนุมในพื้นที่ลับ น้ำเลี้ยงจากท่อของใครบางคนก็พอเพียงที่จะดำรงชีวิตดีระดับหนึ่ง ดังนั้นมันดีกว่าไปแสดงตัวแล้ววันข้างหน้าต้องไปใช้ทรัพย์สินส่วนตัว-ภาษีจากสังคมในการบำรุงตนในพื้นที่ที่รัฐจัดให้
มันคุ้มไหม..แกนนำม็อบหลังม่านน่าจะรู้ดี?
เพราะวันนี้เพนกวิ้น-ไมค์ ระยอง-ไผ่ ดาวดิน-อานนท์ นำภา ฯลฯ เป็นตัวอย่างที่แกนนำม็อบหลังม่านทราบดี..เพราะคนเหล่านี้เข้าๆออกๆในพื้นที่โลกออนไลน์-บ้านพัก-พื้นที่ชุมนุม-โรงพัก-ศาล-เรือนจำ เวียนไปวนมาหลายรอบ แม้จะมีการปลุกมวลชนให้"ปล่อยเพื่อนเรา"แต่ตอนนี้กระแสนี้ดังหรือแผ่ว? หลายคนน่าจะทราบดี
การชุมนุมในวันต่อๆไปของม็อบสามนิ้วจะหยุดป้ายนี้-ได้ไปต่อด้วยความแผ่วปลายหรือคึกคักนั้น....
แกนนำและผู้จ่ายน้ำเลี้ยงน่าจะรู้ดีแก่ใจว่า ควรเลือกเส้นทางใด...
ยิ่งยุยงไปในทางสร้างความรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเสื่อมกินตัวมากขึ้นเท่านั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ปรับครม."ลุงตู่ 2/5 โหมปั่นกระแสเพื่อหวังผล
- "แก้รัฐธรรมนูญ" บัตรสองใบไม่ใช่คำตอบ โคทมท้ารัฐทำประชามติรธน.
- "ตุลาอาถรรพ์" จ้องเขย่าซ้ำเก้าอี้นายกฯ ลุงตู่
- ย้อนอดีตมองปัจจุบันเดินเกมบีบ"ประยุทธ์" ลาออก หรือ ยุบสภา
- ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศคงข้อกำหนด"ห้ามชุมนุม" ช่วงโควิด-19