ข่าว

นพ.ทวีศิลป์ สรุปผลประชุม ศบค. ประจำวันที่ 7 พ.ค.2563

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สรุปผลประชุม ศบค. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 

 

 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 สรุปผลประชุม ศบค. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 

อ่านข่าว : ด่วน ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ 3 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

อ่านข่าว : เปิด 39 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มช่วง 28 วัน

 

โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า จากการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอบคุณทุกกำลังใจ รวมถึงทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและทำงานหนักในสถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์ในตอนนี้เป็นที่น่าพอใจ แต่ต้องยังคงเข้มงวดและดูแลกันต่อไป รวมถึงป้องกันการนำเชื้อเข้ามาก็ยังคงต้องป้องกันต่อไป ขณะเดียวกันสถานที่กักกันของรัฐ ยังถือว่ามีความสำคัญอยู่

 

 

 

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศยังพบผู้ติดเชื้อโควิดอยู่ บางประเทศที่ผ่อนปรนก็มีการระบาดซ้ำเพิ่มขึ้น การเคลื่อนย้ายของประชาชนยังมีผลต่อการระบาดของโรค

 

 

เรื่องของการรวมกลุ่มมั่วสุม พบปัจจัยของการมั่วสุม ดื่มสุรา ยังคงพบเป็นสาเหตุของการระบาดอยู่ในประเทศด้วย

 

 

ส่วนกรณีของรถไฟฟ้าที่ปรากฏภาพประชาชนแออัดเบียดเสียดนั้น ได้มีการสั่งการให้มีมาตรการจัดการรองรับ เพื่อลดจำนวนความแออัดแล้วซึ่งการดำเนินการขายตั๋วก็ต้องขายให้พอเหมาะ ให้ทุกกระทรวงประชาสัมพันธ์กิจกรรม และข้อมูลต่างๆด้วย

 

 

ด้านมาตรการการเหลื่อมเวลา ได้มีการศึกษาเพิ่ม เช่น การเหลื่อมเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในส่วนของราชการก็คงจะยังไม่พอ นโยบายการทำงานที่บ้านยังจะต้องเกิดขึ้นให้ได้มากกว่า 50% ต่อไปเพื่อลดการเคลื่อนไหว เดินทางของพี่น้องประชาชน เรื่องของสถานศีกษา มีแนวทางการขยายเวลาเปิดเทอม โดยการใช้เทคโนโลยีมาทดแทน ประกอบการเรียน การสอน

 

 

เรื่องของการออกกำลังกายในสวนสาธารณะ ขอให้ระมัดระวัง เช่น การวิ่งไม่ควรสวมหน้ากากฯ และเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกันในระยะ 10 เมตร ตามที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ ได้มีการพูดคุยพิจารณาผลกระทบแล้ว ซึ่งหากต้องปิด สำหรับผู้ที่เป็นการเดินทางไป-กลับ นั้นถือว่ามีความเสี่ยงมาก

 

 

การค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น สินค้าก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ฯลฯ เนื่องจากมีความจำเป็น เพราะในช่วงนี้มีภัยพิบัติ บ้านพังเสียหาย ต้องซื้อหากัน ก็อยู่ในช่วงการศึกษา แก้ไข ปรับปรุง มาตรการผ่อนปรน ในช่วงนี้

 

 

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เสนอการตรวจ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง หรือในสถานที่เสี่ยงซึ่งจะเร่งตรวจหากลุ่มเสี่ยงให้ได้เร็วที่สุด ตั้งเป้าตรวจให้ได้ 6,000 รายต่อประชากร 1 ล้านคน ตอนนี้ตรวจไปแล้ว 2 แสนกว่าราย ก็จะยังต้องเพิ่มอีก 1 แสนกว่าราย จึงได้มีการผ่อนเกณฑ์การตรวจ PUI Case แล้ว การค้นหาเพิ่มในกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคลกรทางการแพทย์, ผู้ต้องขัง, ผู้ที่ถูกกักตัว, คนขับรถ, พนักงานไปรษณีย์ พนักงานส่งของ โดยกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ตั้งเป้าไว้ราว 8 หมื่นราย

 

 

ในภาคส่วนอื่นๆ กระทรวงมหาดไทยรายงานปิดสถานบริการต่างๆ ไปราว 4 หมื่นแห่ง โดยในพื้นที่ กทม.แจ้งจัดชุดตรวจพบการกระทำผิดไปราว 3,000 กว่ากิจการ เบื้องต้นได้ตักเตือนไปแล้ว

 

 

กระทรวงการต่างประเทศ มีเกณฑ์ในการนำคนไทยกลับมาแบ่งเป็น 

 

- กลุ่มด่วนที่สุด เช่น กลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วย ผู้ตกค้างที่สนามบิน กลุ่มที่วีซ่าหมดอายุจะได้เดินทางกลับก่อน

 

- กลุ่มด่วนมาก เช่น พระสงฆ์, นักเรียน นักศึกษา, ผู้ที่ตกงานอยู่ในต่างประเทศ 

 

 

ซึ่งสถานการณ์ในหลายๆ ประเทศเริ่มดีขึ้น เช่น จีน, เกาหลีใต้ มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำมาก เบื้องต้นก็ได้มีการเสนอให้ปรับลดเกณฑ์ความเสี่ยงให้เดินทางกันได้ แต่ต้องมีมาตรการควบคุม และรัดกุม พร้อมเสนอกลุ่มชาติอาเซียนร่วมกันลงทุนค้นคว้าผลิตวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 ด้วย 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ