พระประสาน อดีตกำนันวัย 82 ออกมายัน นายทุนรุกที่ดินวัดแน่นอน อนามัยสร้างอยู่ในพื้นที่ของวัด เตือนคนรุกที่ธรณีสงฆ์นรกจะกินกบาล
จากกรณี มีชาวบ้าน ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา แจ้งว่ามีบุคคลบุกรุกที่สาธารณะ บริเวณวัดป้อมรามัญ หมู่ 4 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา เดิมมีเนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 12 วา แต่หลังจากถนนทางหลวงชนบท อย.2003 ตัดผ่าน เนื้อที่ได้หายไปเหลือแค่ 12 ไร่ 3 งาน 80 วา โดยที่ดินบางส่วนที่หายไปเหลือเป็นที่สามเหลี่ยมหน้าวัด ที่ใช้เป็นสิ่งปลูกสร้างศาลาเอนกประสงค์ เพื่อให้ชาวบ้านและหน่วยงานราชการเข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกันซึ่งบริเวณดังกล่าวมีข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านกับนายทุนที่เคยมารังวัดที่ดินแล้ว รุกล้ำเข้ามายังที่ลำรางสาธารณะ จนเลยข้ามมาปักมุดยังเขตที่ ดิน สค.1 ของวัด โดยชาวบ้านได้ยื่นคัดค้านการรังวัดครั้งล่าสุด จนถือว่าการรังวัดเป็นโมฆะ แล้วยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ตรวจสอบแก้ไขพื้นที่ที่เป็นปัญหาข้อพิพาท จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า ที่เคยเป็นข่าวมา จนกระทั่งนายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้หน่วยงานทีเกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาทให้กับวัดและชาวบ้าน เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ล่าสุด พระประสาน (เสาร์) ธุสาวุธ อายุ 82 ปี พระลูกวัดวัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา ได้ออกมายืนยันกับทางพระครูเกษมจันทวิมล (พระอาจารย์แดง) เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ รูปปัจจุบันว่า ตนเคยเป็นอดีตกำนันตำบลสวนพริก เมื่อครั้งพระจำนง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญรูปเก่าเป็นเจ้าอาวาส จึงรู้พื้นที่ที่มีปัญหาข้อพิพาทดี เดิมที่วัดมีทั้งหมด 14 ไร่ ไร่ 2 งาน 12 วา แล้วโดนถนนตัดผ่าน ซึ่งตนเคยคัดค้านพื้นที่ที่ถูกตัดทิ้ง ในใบขอออกโฉนด ปี พ.ศ. 2310 ยังได้เขียนระบุไว้ว่า สถานที่ราชการโรงเรียน อนามัยตั้งอยู่ในวัดนี้ด้วย คืออนามัยอยู่ในวัด คลองลำราง อยู่หลังอนามัย ส่วนถนนหน้าวัด สมัยที่ตนยังเป็นกำนันอยู่ นายเฉลียว ถนัดศรี มาขอทำถนน โดยขอที่กับจากชาวบ้านรวมถึงที่ดินของนายเหลื่อม ธารีศรี ในละแวกนั้นด้วย ทำเป็นถนนลาดยางในปัจจุบันที่ตัดผ่านหน้าวัดไปจนถึงสายเอเชีย ต.โพธิ์สามต้น อ.บาปะหัน จึงยืนยันได้ว่า ถนนที่ตัดผ่านหน้าวัดไม่ใช่ทางหรือลำรางสาธารณะ และไม่ได้ทับกับคลองกระบือแต่อย่างใด แต่ลำรางสาธารณะคลองกระบือจะมีพื้นที่ ถัดออกไปจากถนน ซึ่งสมัยก่อนมีต้นตาลเรียงรายหลายต้น แล้วนายทุนให้รังวัดมาวัดที่ โดยอ้างดาวเทียมรังวัดที่รุกล้ำเข้ามาในเขตวัดข้ามถนนข้ามลำรางมาได้อย่างไร
พระประสาน (เสาร์) กล่าวต่ออีกว่า ที่ดินของวัดป้อมรามัญเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ไม่ใช่ของพระครูเกษมจันทวิมล(พระอาจารย์แดง) แต่ที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องออกมาปกป้องพื้นที่ของวัดป้อมรามัญ ไม่ได้ปกป้องเพื่อตัวท่านเอง แต่ปกป้องไม่ให้ใครมาบุกรุกยึดพื้นที่ธรณีสงฆ์ซึ่งเป็นสมบัติส่วนรวม ไปเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งชาวบ้าน หากท่านไม่ปกป้อง ท่านอาจจะโดนมาตรา 157 ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียงก็ทราบดี แต่ อปท.ไม่ได้ออกมาปกป้องสมบัติส่วนรวมเอาไว้ การที่มีเจ้าหน้าที่รังวัดวัดที่ธรณีสงฆ์เข้าข้างนายทุนหรือคนหนึ่งคนใดนั้น อาจจะมีความผิดในการปฏิบัติหน้าที่โดยมอชอบได้ มันเป็นบาป ระวังนรกจะกินกบาล
ภาพ-ข่าว เกียรติยศ ศรีสกุล ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง