"ปชป."ซัดพปชร.ดูด"เมียฉาย–หลานสุริยะ"หวังทุนใหญ่-ครอบงำสื่อยักษ์ เอื้อการเมือง แลกเปลี่ยนทำลายกระบบนิติรัฐหวั่นกลายเป็นระบอบประยุทธ์ ไม่มีแผ่นดินอยู่เช่นทักษิณ
18 พฤศจิกายน 2561 นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดตัว น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ภรรยาของนายฉาย บุนนาค
ที่มีคดีปั่นหุ้นอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ว่า ถือเป็นตัวอย่างที่รัฐบาลใช้อำนาจรัฐ ชิงความได้เปรียบทางการเมือง จากก่อนหน้านี้ก็ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะลงพื้นที่หาเสียงก่อน หรือ 4 รัฐมนตรีไม่ยอมลาออก เพื่อปูทางให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ
นอกจาก น.ส.ททันยาแล้วยังมีกรณี นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนหน้านี้บริษัทของเขา ก็ถูกกลต.สั่งห้ามขายหุ้นมาเป็นปี แต่พอมาสมัครพปชร. ก็ขายหุ้นได้ จึงทำให้การดึงทั้ง 2 คนนี้ มองว่าเป็นการสนับสนุนทุนทางการเมืองใช่หรือไม่ และน.ส.วทันยา ก็ยังดำเนินธุรกิจสื่อสารมวลชนอยู่หลายแห่ง อาจเป็นข้อแลกเปลี่ยนใช้ประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่
“ขณะที่คดีความของสามีของ น.ส.วทันยา หากสุดท้าย ดีเอสไอ ไม่ฟ้องก็จะตอบโจทย์ก็จะถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้นายทุน ที่มีคดีอยู่ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงจะกระทบต่อกระบวนยุติธรรมเสียหายทั้งสายตาคนไทยและต่างชาติ จึงอยากเตือนว่าให้ผู้มีอำนาจหยุดพฤติกรรมเช่นนี้ ที่มีตัวอย่างมาก่อนแล้วอย่างระบอบทักษิณเคยทำมา จนตัวเองไม่มีแผ่นดินอยู่ และหากไม่หยุดอาจกลายเป็นระบอบประยุทธ์ สุดท้ายประชาชนจะออกมาต่อต้านเช่นกัน” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.ปชป.กล่าวว่ากรณีผู้สมัครสส.พรรคพลังประชารัฐมีคดีติดตัวหรือสามีมีคดีในตลาดหลักทรัพย์หรือบิดาอยู่ในกระบวนการยุติธรรมหรืออยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์ เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าถ้าถูกจำคุกอยู่ก็จะได้รับการพักโทษง่าย ๆ หรืออ้างว่านำมารักษาพยาบาลนอกเรือนจำ ถ้าถูกแขวนป้ายห้ามถือหุ้นก็ซื้อขายหุ้นได้ ทันที ถ้าถูกฟ้องปั่นหุ้นก็อาจจะหลุดคดีได้ เช่นกัน ยุคนี้จึงเป็นยุคที่มีอำนาจพิเศษที่สามารถดลบันดาลได้ตามใจชอบหากยินยอมเป็นเครื่องมือให้กับพรรคพลังประชารัฐ ระบบนิติรัฐนิติธรรมกำลังถูกแทรกแซงอย่างหนัก จนประชาชนถามไถ่กันว่าความยุติธรรมนั้นอยู่ที่ไหน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง