ข่าว

สุดยื้อ "หมอหลี่" ผู้พบไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 คนแรก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อาลัย "หมอหลี่" ติดเชื้อตั้งแต่ต้นปี ทำเนียบคึกคัก แห่ซื้อหน้ากาก - เจล ครึ่ง ชม.เกลี้ยง พาณิชย์ฟันแล้ว 10 ร้านค้าโขกราคา ส่งเข้า รพ.เพิ่มอีก 2 คนไทยกลับจากอู่ฮั่น

 

              เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563  สื่อหลายแห่งของจีน รายงานว่า นพ.หลี่ เหวินเหลียง อายุ 34 ปี ซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ขณะปฏิบัติงานเป็นจักษุแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลกลางของนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 02.58 น. ตามเวลาท้องถิ่น และการเสียชีวิตของ นพ.หลี่ สร้างความเสียใจไปทั่วประเทศจีน โดย นพ.หลี่ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการป่วยอย่างหนัก และต้องได้รับออกซิเจนโดยวิธีพิเศษที่ไม่ต้องผ่านปอด

              อย่างไรก็ตาม นพ.หลี่ ถือเป็นคนแรกที่ออกมาเตือนเรื่องไวรัสโคโรน่าในสื่อสังคมออนไลน์เวยโป๋ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2562 แต่กลับถูกตำรวจสั่งให้หยุดเผยแพร่ข่าวปลอม หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา นพ.หลี่ ก็ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้ว กระทั่งเสียชีวิตด้วยโรคระบาดดังกล่าวเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา

 

 

 

              เวลา 09.30 น. ที่ ทำเนียบรัฐบาล  นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล จำหน่ายหน้ากากอนามัย 2 จุด จุดละ 10,000 ชิ้น บริเวณประตู 6 ทำเนียบรัฐบาล (เวิ้งตรงน้ำพุ) และฝั่งตรงข้ามประตู 4 บริเวณศูนย์บริการประชาชน เริ่มเวลา 10.00 น. ซึ่งในช่วงแรกจะขายต่อเนื่องกัน 15 วัน รวมวันเสาร์ - อาทิตย์

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหน้ากากอนามัยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์และสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาช่วยขาย ส่วนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และเจลล้างมือ นำมาจากองค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ หากสินค้าหมดต้องรอรอบบ่าย 14.00 น. โดยหน้ากากอนามัยจำกัดการซื้อคนละ 1 แพ็ก มี 10 ชิ้น ราคา 25 บาท ขณะที่เจลล้างมือขวดใหญ่ ราคา 65 บาท จำกัด 1 ขวด เจลล้างมือหลอดเล็ก 24 บาท จำกัด 2 หลอด และแอลกอฮอล์ขวดเล็ก 14 บาท จำกัด 2 ขวด เพราะเกรงว่าจะนำไปกักตุนและสร้างปัญหา อย่างไรก็ตาม การขายหน้ากากอนามัยดังกล่าวมีประชาชนสนใจเป็นอย่างมาก เดินทางมาเข้าคิวยาวเหยียด และขายหมดทั้ง 2 จุด ภายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง

              นายธีรภัทร กล่าวว่า เป็นบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ให้จำหน่ายให้ประชาชนที่มีความต้องการ และที่ให้คนละ 1 ชุด จำนวน 10 ชิ้นนั้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่หน้ากากอนามัยขาดแคลนสามารถใช้ได้ต่อคนถึง 10 วัน รวมทั้งเจลล้างมือด้วย แต่คาดว่าหลังจากนี้การผลิตก็คงจะมีออกมาจำนวนมากตามความต้องการของประชาชน และที่ไม่ได้แจกฟรี เพราะในภาพรวมมีความต้องการจำนวนมาก เกรงว่าจะมีคนมานำไปขายต่อ เพื่อหวังผลกำไรและมีการกักตุน ถึงได้จำหน่ายในราคาต้นทุน ซึ่งรับมาจากกระทรวงพาณิชย์และองค์การเภสัชกรรม

 

 

 

              ด้าน นางนฤมล บอกว่า วันนี้มีประชาชนมาซื้อกันคึกคัก ที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาการขายหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ พรุ่งนี้ (8 กุมภาพันธ์) กระทรวงพาณิชย์ก็จะเปิดขายด้วย โดยเหตุจำกัดการซื้อหน้ากากอนามัย 1 คน 1 แพ็ก (10 ชิ้น) ก็เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เร่งวางออกสู่ท้องตลาดได้มากขึ้น ส่วนข้อร้องเรียนต่างๆ เช่น ครูมาซื้อไปแจกนักเรียนแต่ถูกจำกัดจำนวน หรืออยากให้ไปแจกที่โรงเรียน ก็ขอรับเรื่องไว้แล้วจะประสานกระทรวงศึกษา กระทรวงพาณิชย์ต่อไป เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีสินค้าจำหน่ายที่ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ พื้นที่กระทรวงพาณิชย์ ร้านค้าองค์การเภสัชกรรม โดยจะกระจายให้ได้ทั้งหมด ส่วนจุดที่แจกโดยทหารก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม

 

 

 

              ขณะที่ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้บริโภคแจ้งว่าผู้ค้าหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือกักตุนสินค้าและปั่นราคาขายสูงกว่าความเป็นจริง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งกรมการค้าภายในได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกไปหาข้อเท็จจริงตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งในเขต กทม. และปริมณฑล ในช่วงระหว่างวันที่ 5 - 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จำนวน 218 ราย ปรากฏว่า มีผู้กระทำผิดตามที่มีการร้องเรียนจริง จำนวน 10 ราย ในเขตพื้นที่ลาดกระบัง ประเวศ ราชเทวี บางรัก พญาไท และสัมพันธวงศ์ โดยพบว่ามีการขายหน้ากากสูงเกินสมควร สร้างความปั่นป่วนในราคาซื้อขาย และมีบางรายมีสินค้าแต่ปฏิเสธการขาย แต่จะขายให้ในราคาที่ต้องการ คณะตรวจสอบจึงได้จับกุมผู้กระทำความผิดทั้ง 10 ราย ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีในกระทงความผิดเกี่ยวกับการสร้างความปั่นป่วนราคาขายให้สูงกว่าความเป็นจริงในมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

              นายวิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการเป็นกรณีเร่งด่วนให้พาณิชย์จังหวัด ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดคณะเคลื่อนที่เร็วออกตรวจสอบผู้มีพฤติกรรมปั่นป่วนราคาขายตามที่มีข้อร้องเรียนและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างจริงจังและเข้มงวดอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ เพื่อลดปัญหาการหาซื้อหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือของผู้ที่จำเป็นต้องป้องกันตนเอง จึงขอให้ร้านค้าจัดให้มีปริมาณเพียงพอและจำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม หากผู้ซื้อพบการกระทำที่ไม่ถูกต้องมีการตั้งราคาสูงเกินจริง หรือกักตุนสินค้า ขอให้แจ้งสายด่วน 1569 เพื่อกรมจะได้จัดส่งคณะเคลื่อนที่เร็วออกไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนในทันทีทันใด

 

 

 

              ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เขตปทุมวัน เพื่อแจกหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม โดยรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 อย่างไรก็ตาม มีผู้โดยสารบางคนปฏิเสธที่จะรับหน้ากากเนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาเร่งรีบที่ต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้า

              นายอนุทิน กล่าวว่า หน้ากากอนามัยไม่ได้ขาดตลาด ใช้เพียงหน้ากากธรรมดาก็เพียงพอต่อการป้องกันไวรัสโคโรน่าแล้ว ซึ่งหน้ากากอนามัยแบบธรรมดามีผลิตภายในประเทศไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพงกว่า หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา มีกำลังการผลิต 1,000,000 แผ่นต่อวัน ไม่มีทางขาดตลาดแน่นอนอาจจะมีการจัดส่งไปบางร้านล่าช้าหรืออาจมีการกักตุน ซึ่งกรมการค้าภายใน ต้องตรวจสอบ หากต้องการซื้อหน้ากากให้ไปซื้อที่ร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรม จะจัดเตรียมไว้จำหน่ายตลอด พร้อมสั่งการให้องค์การเภสัชกรรมติดต่อผู้ผลิตนำมาขายในราคาต้นทุน

 

 

 

              นายอนุทิน ยังตัดพ้อถึงกรณีที่มีหลายคนที่ไม่ได้ใส่หน้ากากแต่ก็ไม่ยอมรับหน้ากากที่นำมาแจกด้วยว่าวันนี้ที่นำมาแจกหน้ากากอนามัยด้วยความปรารถนาดีในการป้องกันการระบาดไวรัสโคโรน่า คนไทยต้องให้ความร่วมมือ เดินแจกอยู่บางคนไม่ใส่หน้ากาก แต่เมื่อยื่นให้ก็ปฏิเสธที่จะรับ คนเหล่านี้คือคนที่ทำร้ายบ้านเมือง อยู่ในที่สาธารณะต้องใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง ป้องกันการแพร่เชื้อด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกท่านทั้งหลาย ทางราชการผู้ประกอบการมีความปรารถนาดีจัดให้นำมาแจกทั้งแอลกอฮอล์และหน้ากาก แสดงให้เห็นว่าของมีอยู่ ไม่ขายตลาด ซึ่งถ้าขาดตลาดไม่มีทางนำมาแจกได้ และที่นำมาแจกจะเน้นกลุ่มเสี่ยงตามสถานีขนส่งใหญ่ๆ ตามโรงพยาบาล คนขับรถแท็กซี่ คนขับรถรับจ้าง และประชาชนทั่วไป ถ้ามีคนยื่นให้ก็ควรจะรับ ไม่ควรปฏิเสธ เป็นการช่วยเหลือกันในการป้องกันโรค ไม่ใช่ไม่สนใจ

 

 

 

              “ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอันนี้ต้องบอกไปยังสถานทูตให้แจงว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะต้องใส่ และแจกแล้วไม่ยอมรับ แบบนี้ต้องไล่ออกจากประเทศไทย ไม่ใช่ไปสนใจคนที่ภาพรวม แค่คนที่อยู่ในประเทศไทย นักท่องเที่ยว เมื่อนำไปให้แล้วยังปฏิเสธอยู่ ไม่มีท่าทีที่ยี่หระต่อสถานการณ์ คนจีน เอเชีย รับทุกคน รับหมด แต่พวกยุโรปนี่น่านัก รู้ได้ไงว่าตัวเองจะไม่เป็นการแพร่เชื้อ เพราะอาจจะเป็น ไปเที่ยวเมืองอื่นก่อนมาเมืองไทยก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยต้องช่วยกันในการป้องกันไวรัสโคโรน่าที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้” นายอนุทิน กล่าว

              ต่อมา นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่ามีอาการหลุดใส่ชาวต่างชาติแถบยุโรปบางคนที่แสดงอาการรังเกียจคนไทยใส่หน้ากากอนามัยและไม่ร่วมมือในการใส่หน้ากากดังกล่าว ในขณะที่ประเทศไทยกำลังรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าคนต่างชาติคนนั้นมาจากประเทศไหนก่อนมาประเทศไทย และมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน การให้เกียรติและให้ความร่วมมือการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค คือสิ่งที่เราคาดหวัง ไม่ใช่การปัดมือ และมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม

 

 

 

              วันเดียวกัน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยยืนยัน 25 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 9 ราย ยังเหลืออยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย แต่อาการดีขึ้น รอเพียงผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) หากผลเป็นลบก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วย 1 รายที่มีอาการรุนแรงเนื่องจากติดเชื้อทั้งไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่และวัณโรค ขณะนี้อาการยังทรงตัว แพทย์ได้ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้เข้าข่ายสอบสวนโรคสะสมจำนวน 615 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 225 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 390 ราย

              นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ส่วนการดูแลคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่นจำนวน 138 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่อยู่ในข่ายสอบสวนโรคจำนวน 4 ราย เนื่องจากมีอาการป่วย โดยได้ส่งเข้าห้องแยกโรคที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อาการดีขึ้น ซึ่งผลแล็บเบื้องต้นออกมาเป็นลบ โดยจะรอผลแล็บที่ชัดเจนอีกครั้ง หากเป็นลบก็จะให้กลับมาอยู่ร่วมกันที่สถานที่กักกันโรคที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และรอจนครบ 14 วันตามกำหนดก็สามารถกลับบ้านได้ และ 2. กลุ่มคนไทยที่เหลืออีก 134 ราย กลุ่มนี้ก็จะเฝ้าระวังหากมีอาการเจ็บป่วย คือมีไข้ อาการทางเดินหายใจ ก็จะส่งเข้าห้องแยกโรคทันที ซึ่งล่าสุดมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เพิ่มขึ้น 1 ราย แต่เนื่องจากมีการพักร่วมห้องกับอีก 1 คน จึงนำทั้งสองคนนี้เข้าห้องแยกโรคเพื่อเฝ้าดูอาการและตรวจวินิจฉัย ซึ่งหากผลออกมาว่าไม่ได้ติดเชื้อก็ให้กลับมาอยู่ในสถานที่กักกันโรคได้และรอจนครบ 14 วันถึงให้กลับบ้าน

 

 

 

              ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต บอกถึงการประเมินความเครียดของคนไทยที่เดินทางกลับมาจากอู่ฮั่น จำนวน 138 คน มีผู้ป่วยซึมเศร้า 3 คน จากการประเมิน 3 วัน พบว่าทั้งหมดมีสุขภาพจิตที่ดี หลังจากนี้จะยังคงสังเกตอาการทุกวัน

              ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพ่อและแม่ของนักศึกษาสาววัย 23 ปี ซึ่งศึกษาคณะวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น หนึ่งในผู้อาศัยอยู่ภายในอาคารบ้านพักรับรองสัตหีบ อ่าวดงตาล เดินทางจาก จ.พิจิตร เพื่อมายังสโมสรโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ และมาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับลูกสาว โดยแม่ของนักศึกษาคนดังกล่าว บอกว่า วันนี้มาแค่อยากเห็นหน้าลูกเพื่อให้มีกำลังใจทำงานต่อ เพราะตั้งแต่ติดต่อลูกสาวครั้งสุดท้ายคือก่อนขึ้นเครื่องบินที่อู่ฮั่น และติดต่อไม่ได้อีก แต่หลังจากลูกสาวได้โทรศัพท์คืนจากเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดต่อกลับมา ทำให้สบายใจขึ้น กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังอาคารบ้านพักรับรองเพื่อให้ลูกสาวมาพูดคุยกับพ่อแม่ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในห้องรับรองญาติ

 

 

 

              นอกจากนี้ สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการยืนยันผลเพิ่มขึ้น 3,143 ราย และผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 73 ราย ในวันพฤหัสบดี (6 กุมภาพันธ์) ผู้ติดเชื้อทั้งหมดกระจายตัวอยู่ในภูมิภาคระดับมณฑล 31 แห่ง โดยผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิต 69 ราย อยู่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัส รวมถึงมณฑลจี๋หลิน มณฑลเหอหนาน และมณฑลกวางตง (กวางตุ้ง) แห่งละ 1 รายตามลำดับ

              คณะกรรมการ ระบุว่า มีรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มขึ้น 4,833 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักเพิ่มขึ้น 962 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้เพิ่มขึ้น 387 ราย ในวันพฤหัสบดี (6 กุมภาพันธ์) โดยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการยืนยันผลบนจีนแผ่นดินใหญ่รวมอยู่ที่ 31,161 ราย หากนับถึงสิ้นพฤหัสบดี (6 กุมภาพันธ์) ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 636 ราย

 

 

 

              ทั้งนี้ สื่อหลายแห่งของจีนรายงานว่าจักษุแพทย์หลี่ เหวินเหลียง วัย 34 ปี ซึ่งประจำอยู่ที่โรงพยาบาลอู่ฮัน ซึ่งเป็นแพทย์ชาวจีนคนแรกที่ออกมาเปิดเผยและเตือนประชาชนเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรน่า เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 02.58 น. ตามเวลาท้องถิ่น

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ