ประชาชนจากทั่วสารทิศร่วมชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สำหรับบรรยากาศโดยรอบบริเวณงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลาคล่ำไปด้วยประชาชนที่ต่างสวมใส่เสื้อสีเหลืองมารอรับเสด็จฯ และชื่นชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่เช้าตรู่ อาทิ นายจิรวัฒน์ เปรมอุดมกิจ อายุ 26 ปี เดินทางมาจากบ้านพักย่านสาทร กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ มาได้ก็ด้วยพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ จึงอยากมาชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี
"ทุกครั้งที่มีพระราชพิธีสำคัญ และไม่ติดงานอะไรก็จะมาเฝ้ารับเสด็จฯ ทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกันโดยมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้ได้นั่งแถวหน้าจะได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด แต่วันนี้หลังจากทราบข่าวว่าพระองค์ท่านจะประทับที่นี่ จึงตั้งใจว่าจะรีบกลับไปพักผ่อนเอาแรง แล้ววันพรุ่งนี้จะมารอเฝ้าฯ รับเสด็จฯ ในการเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราสถลมารค ส่วนวันจันทร์ที่ 6 จะมาชื่นชมพระบารมีอีกครั้งในโอกาสเสด็จออกสีหบัญชร ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ที่ผ่านมารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นล้นพ้น พระองค์ท่านทรงละเอียดและใส่ใจพสกนิกรของพระองค์ท่าน อย่างกรณีมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น พระองค์ท่านจะทรงให้ความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับงานนี้ที่พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ดูและประชาชนเสมือนเป็นแขกของพระองค์ " จิรวัฒน์ กล่าวด้วยความปลื้มปีติ
ด้าน นายศักดิ์รินทร์ หลิ่มวิรัตน์ อายุ 44 ปี ทำงานอยู่ที่ จ.ระยอง และได้ลางานเมื่อวาน (วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม) ครึ่งวัน เดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
"นับเป็นความภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิตที่มีโอกาสแสดงออกซึ่งความคงรักภักดีในโอกาสสำคัญนี้ โดยเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงเย็น แล้วตรงไปที่บริเวณเพื่อเก็บการตกแต่งไปตามสถานที่ต่างๆ ที่มีความสวยงามไว้เป็นที่ระลึก ส่วนวันนี้ตั้งใจเดินทางมาอีกครั้งเพื่อชมความสวยงามของเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ซึ่งเคยได้ยินชื่อมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสเห็นของจริงวันนี้ สง่างามมากทั้งลวดลายและสีทองอร่าม ขณะที่กำลังพลฝีพายก็นั่งกันอย่างเป็นระเบียบดูแล้วสวยงามอย่างยิ่ง" นายศักรินทร์ กล่าว
ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ จันทร์พฤกษ์ อายุ 48 ปี อาชีพทำสวนปาล์ม ซึ่งออกเดินมาจากจังหวัดศาลากลาง จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ 8.30น.วันที่ 23 เมษายน และมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ รวมระยะทางกว่า 630 กิโลเมตร โดยเดินทางมาถวายความเคารพที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ก่อนถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ด้านหน้าศาลหลักเมือง กล่าวว่า การเดินครั้งนี้ต้องการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่เทิดทูนด้วยใจเสมอมา
"พระราชพิธีบรมราชาภิเษกถือเป็นนิมิตหมายมหากุศลของรัชกาลที่ 10 ที่ปวงชนชาวไทยจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีทั้งต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยส่วนตัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่ทรงอุทิศพระวรกายและพระราชหฤทัยเพื่อพวกเราชาวไทยมานานนับหลายศตวรรษเพื่อสร้างประเทศไทย สร้างชาติ ให้เป็นอย่างทุกวันนี้ ตลอดทางที่เดินมาจากภาคใต้พบกับความยากลำบากมากมาย เปลี่ยนรองเท้าถึง 5 คู่ และเมื่อคืนเพิ่งเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียจัดต้องไปนอนให้น้ำเกลือ แต่ให้กำลังใจตัวเองด้วยการคิดว่าจะตั้งใจทำเป้าหมายให้สำเร็จและทำให้ดีที่สุด ต้องมุ่งมั่น ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ตัวเองเดินมายังกรุงเทพฯ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี โดยครั้งแรกเป็นการเดินถวายพระพรแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ครั้งที่ 2 เดินมาถวายความเคารพพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ครั้งที่ 3 เดินมาทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้จันทร์พระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 และครั้งนี้มาถวายพระพรและแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก มีชาวบ้านตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ให้กำลังใจอย่างเต็มที่รวมถึงให้การสนับสนุนตลอดทาง ในโอกาสนี้ขอถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่พสกนิกรไปนานๆ” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยความตื้นตัน
นายกิมฮง มาลัย อายุ 59 ปี อาชีพค้าขาย เล่าว่าวันนี้ปิดร้านแล้วเดินทางโดยลำพังจากย่านมีนบุรี กรุงเทพฯ ถึงบริเวณท้องสนามหลวงตอนเที่ยง ตั้งใจมาซึมซับบรรยากาศพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและเก็บภาพประวัติศาสตร์นี้ เป็นจังหวะที่ดีที่มีบุญได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีนี้ เห็นบรรยากาศประชาชนจากทุกสารทิศเดินทางมากันอย่างพร้อมเพรียงก็รู้สึกปลื้มใจ ช่วงเย็นๆ น่าจะมีผู้คนเข้ามาในพื้นที่หนาแน่นขึ้น
"วันนี้โดยสารเรือคลองแสนแสบมาขึ้นท่าที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ แล้วเข้าทางจุดคัดกรองบริเวณนี้ เพียงยื่นบัตรประชาชนก็เข้ามาได้เลย จากนั้นเดินเท้าเข้าสู่สนามหลวง ตั้งใจจะอยู่จนเสร็จพระราชพิธีในวันที่ 6 พฤษภาคม โดยพักค้างคืนจุดที่เขาจัดไว้ให้ เตรียมของใช้ส่วนตัวมาด้วย ที่ผ่านมาเคยรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งเสด็จพร้อมด้วยในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปวัดหลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา ปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดไม่ได้ ประทับใจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นนักบิน เท่าที่ทราบ รู้สึกว่าพระองค์ท่านจะทรงเป็นกษัตริย์นักบินเพียงพระองค์เดียวด้วย" นายกิมฮง กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง