เปิดกฎหมาย 'มาตรา 151' 'พิธา' ส่อตามรอย 'ธนาธร' กระบวนการตรวจสอบ คุณสมบัติ สมัครรับเลือกตั้ง สส. หรือไม่ เริ่มต้นขึ้นแล้ว
คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. มีมติยกคำร้องเรื่องคุณสมบัติ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วยเหตุผลเรื่องระยะเวลาในการร้องเรียน ตาม ระเบียบเลือกตั้ง สส. ข้อ 115 ไม่ได้หมายความว่าพิธา จะรอด
เพราะ กกต.สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่ามีมูลหรือไม่
พลิกกฏหมายเลือกตั้ง สส. พบว่า พิธาอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี หากศาลชี้ว่าถือหุ้นสื่อมีความผิดจริง มาตรา 42 บุคคลที่ลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือ สื่อมวลชนใดๆ
มาตรา 151 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าวให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย
เจษฏ์ โทณะวนิก คณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ให้สัมภาษณ์รายการหนึ่ง มีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า ทางรอดของ พิธา มีสองทางประกอบด้วย กรณีมรดกหุ้นไอทีวี มีพินัยกรรม ไม่มีชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้รับและไอทีวีไม่เป็นกิจการสื่อ
แต่ในทางตรงกันข้าม การถือหุ้นสื่อเป็นคุณสมบัติต้องห้ามมาตั้งแต่ตอนรับสมัคร แต่มีส่วนในกองมรดก(หุ้นสื่อ)ในฐานะทายาทโดยธรรม และปรากฏว่าสื่อนั้นยังประกอบการอยู่ โดยหลักฐานที่แสดงว่าสื่อยังประกอบการหรือไม่ประกอบด้วยหนังสือบริคณฑ์สนธิ วัตถุประสงค์หลัก และการประกอบการจริง
กรณีไอทีวีหากศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ประกอบการต่อก็จะกลายเป็นว่าไอทีวีประกอบการมาตั้งแต่ต้น เป็นเพียงหยุดประกอบการคำสั่งสำนักปลัดสำนักนายกฯ ไม่ได้เลิกประกอบการ เช่นเดียวกับกรณีของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง