คอลัมนิสต์

รุกกลับทุนเก่า ‘พิธา’ โยนระเบิดคืนชีพ ‘ไอทีวี’ สกัดรัฐบาลสีส้ม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชิงเปิดเกมโต้กลับ 'พิธา' โอนหุ้น'ไอทีวี'อ้างหวั่นฟื้นคืนชีพเป็นสื่อ กลเกมก้าวไกลหวังชี้เป้าผู้อยู่เบื้องหลังขุดซากไอทีวี เป็นเรื่องนิติสงคราม ปลุกมวลชนอุ้มรัฐบาลสีส้ม

พลิกเกมสู้ พิธา ชิงโอนหุ้นไอทีวี ก่อนฟื้นเป็นสื่อ กลเกมก้าวไกลชี้เป้าผู้อยู่เบื้องหลังขุดซากไอทีวี โยงกลุ่มอำนาจเก่า จึงปลุกพลังมวลชนปกป้องรัฐบาล 8 พรรค 

 

แกนนำสีส้มยังขยายปมหุ้นสื่อ เป็นเรื่องนิติสงคราม มุ่งสกัด พิธา ไม่ให้เป็นนายกฯ แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมฟันธง พระเอกก้าวไกลไม่รอดแน่

ร้องคดีถือหุ้นสื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาถึงวันนี้ กกต.ยังไม่มีมติในเรื่องดังกล่าว สำหรับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ได้มองข้ามช็อตไปที่การสู้คดีถือหุ้นสื่อในศาลรัฐธรรมนูญ จึงออกคำแถลงเรื่องโอนหุ้นไอทีวีให้ทายาท ในวันที่ 6 มิ.ย.2566

 

พิธา อธิบายว่า ไม่ใช่การขายหุ้น แต่เป็นการโอนหุ้นให้ทายาทเมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพราะในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะมีความพยายามฟื้นคืนชีพไอทีวีขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจ หรือการเมือง จึงตัดสินใจโอนหุ้นให้ทายาท

 

พิธา เดินหน้าสู้เรื่องหุ้นสื่อ ด้วยเกมการเมือ

หัวหน้าพรรคก้าวไกลชี้ให้สังคมเห็นว่า ในอดีตไอทีวีเหลือแต่ซาก ไม่ได้ประกอบกิจการด้านสื่อ แต่มีคนบางกลุ่มพยายามจะฟื้นคืนชีพไอทีวี เป็นสื่ออีกครั้ง จึงตัดสินใจโอนหุ้นในช่วงนี้


สอดรับกับก่อนหน้านี้ มีการปล่อยข่าวเรื่องไอทีวีจะคืนชีพ หลังมีการฟ้องร้องกันระหว่างบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) มาสิบกว่าปี ซึ่งบังเอิญจะรู้ผลแพ้ชนะคดีกันในเดือน มิ.ย.2566

 

ปมฟื้นไอทีวี

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินหน้าสู้คดีหุ้นสื่อ ด้วยเกมการเมือง ชี้เป้ากรณีไอทีวีจะฟื้นคืนชีพ เพื่อให้สังคมไปค้นหาดูว่า ใครคือผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.ไอทีวี ในปัจจุบัน

 

บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อมวลชนมาตั้งแต่ปี 2550 และได้ถอนชื่อออกจากตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2557 สาเหตุที่ยังคงสถานะเป็นบริษัท เพราะยังมีการฟ้องร้องอยู่กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.)จากการที่ สปน.ยกเลิกสัญญาสัมป ทานที่ทำกับ บมจ.ไอทีวี

 

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2566 จิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตคนไอทีวี ได้โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว โดยอัพสเตตัสเรื่อง ถ้าไอทีวีฟื้น จะเกิดอะไรขึ้น

 

จิรายุเล่าว่า ช่วงวันที่ 6 เม.ย.2566 ได้รับทราบข่าวสถานะของไอทีวี จากอดีตเพื่อนร่วมงาน เกี่ยวกับคดีความที่ฟ้องกันอยู่


“ไอทีวีชนะคดีกับ สปน. และชนะคดีในศาลปกครองกลางแล้ว ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด อีกประมาณ 2 เดือน คือมิถุนายน(ก็หมายถึงเดือนนี้ )จะมีคำวินิจฉัยมา คิดว่า น่าจะยืนพิพากษาตามอนุญาโตตุลาการและศาลปกครองกลาง..คือชนะ”

 

อดีตเพื่อนร่วมงานบอกว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่ได้ปิดเพราะรักษาสถานะในการสู้คดี มีเงินลงทุนเดิมอยู่ตั้งแต่ถูกปิดสถานีอยู่..คือถ้าชนะคดีแล้ว คือไอทีวีก็จะได้สิทธิคืนมา”

 

ประเด็นนี้แหละที่พิธาหยิบฉวยมาอ้างถึงเรื่องการโอนหุ้นไอทีวีให้ทายาท เพราะหวั่นว่า ไอทีวีจะคืนชีพ และกลับมาดำรงสถานะสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง

 

นิติสงครามสื่อ

 

การทิ้งประเด็นไอทีวีจะคืนชีพของพิธา เพื่อเปิดทางให้มีการไปสืบค้นเบื้องหลัง บมจ.ไอทีวี และอาจโยงไปหากลุ่มอำนาจเก่า ที่ต้องการสกัดพรรคก้าวไกล

 

ปิยบุตร แสงกนกกุล เคยบัญญัติคำว่า นิติสงคราม หรือ Lawfare หมายถึง การกำจัดศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามที่ต่อต้านรัฐหรือรัฐบาลโดยใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ 

 

ดังนั้น ว่าที่ สส.ก้าวไกล จึงส่งเสียงต่อต้านนิติสงครามผ่านโซเชียล ในกรณีที่พิธา กำลังเจอการตรวจสอบปมถือหุ้นไอทีวี เหมือนที่พิธาประกาศว่า “ไม่มีใครหรืออำนาจไหน มาสกัดกั้นฉันทานุมัติของพี่น้องประชาชน..กว่า 14 ล้านเสียง ได้อีกแล้ว”


นี่คือการชิงรุกโต้กลับของพิธา และก้าวไกล ด้วยการโยนระเบิดเกมขุดซากไอทีวีให้ฟื้นมาเป็นสื่อ เพื่อขยี้ว่าที่นายกฯของด้อมส้ม

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ