นานเกิน..ลดาวัลลิ์ จี้วุฒิสภาเร่งเฟ้นกรรมการสิทธิ

 

วันที่ 20 ส.ค. 2562 - นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การสรรหาให้ได้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)7คน เปิดรับสมัครมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 1ปีกว่า ก็ยังไม่ได้กสม.มาปฏิบัติงานเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน

 

"ทำให้กสม.ชุดปัจจุบัน ซึ่งเหลืออยู่เพียง3คน ยังอยู่ในตำแหน่ง แต่ไม่สามารถประชุมหรือดำเนินการใดๆได้ เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน เนื่องจากไม่มีองค์กรอิสระด้านนี้มาดูแลรับผิดชอบ นอกจากนี้ภาพลักษณ์กสม.ไทยในสายตาต่างประเทศก็พลอยเสียหายตามไปด้วย"รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

         

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า  ขณะนี้มีการเปิดรับสมัครหาผู้เหมาะสมเป็นกสม.อีก1คน เพื่อให้กรรมการสรรหาคัดเลือก คาดว่ากว่าจะเสร็จในขั้นตอนนี้ก็คงราวๆกลางเดือนตุลาคม 2562 จากนั้นวุฒิสภาจะตั้งคณะกรรมาธิการมาตรวจสอบประวัติ ผู้ที่ผ่านการสรรหา รวม 5 คน และนำเข้าสู่การตรวจสอบและลงมติให้ความเห็นชอบของวุฒิสภา

 

" หากผ่านไปได้ ประธานวุฒิสภาจะนำรายชื่อทั้ง 5 คน และอีก 2 คนที่ผ่านความเห็นชอบจากสนช.เมื่อปลายปี 2561 รวมเป็น 7คนขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นกสม.ชุดใหม่ คาดว่าคงจะเสร็จอย่างเร็วก็ปลายปี2562 อย่างช้าก็ต้นปี2563" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

         
 

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า เหตุที่ได้กสม.ไม่ครบ7คนนั้นเนื่องจากกรรมการสรรหายังเลือกผู้สมัครไม่ได้ เพราะติดขัดที่คะแนนโหวตของคณะกรรมการไม่ถึง2ใน 3 นั่นคือไม่ถึง7คนจาก10 คน แม้จะลงคะแนนถึง3รอบแล้วก็ตาม ทำให้ต้องเปิดรับสมัครกันใหม่ ดังนั้นแทนที่กสม.ชุดปัจจุบันซึ่งถูกสนช.ออกกฏหมายเซ็ต ซีโรจะพ้นจากตำแหน่ง กลับอยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยที่ปฏิบัติงานอะไรไม่ได้

         

"ขอวิงวอนให้กรรมการสรรหาทั้ง10คน ปรึกษากันและพยายามเลือกผู้สมัครที่ยังขาดอีก1คนให้ได้ มิฉะนั้น เวลาจะถูกทอดยาวออกไป หากขั้นตอนของวุฒิสภาไม่มีปัญหา  ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย  แต่ถ้าวุฒิสภาลงมติไม่เห็นชอบใครสักคนก็ต้องมาเริ่มต้นนับ1 สรรหากันใหม่ วนเวียนกันอยู่เช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าสิ้นปี2562จะมีกสม.ชุดใหม่7คนเกิดขึ้นหรือไม่"นางลดาวัลลิ์กล่าวทิ้งท้าย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2561 ที่ประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีมติไม่รับเรื่องที่มีการร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) กองบังคับการปราบปราม บุกเข้าจับกุมนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระสุวิทย์ ธีรธัมโม (พระพุทธะอิสระ) เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่

 

เนื่องจากหลังการร้องเรียนแล้วในวันที่ 4 มิ.ย. พนักงานเจ้าหน้าที่ของ กสม.ได้เข้าพบนายสุวิทย์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งนายสุวิทย์ได้แจ้งความประสงค์ขอสงวนสิทธิในการร้องเรียน และไม่ยินยอมให้ผู้ใดนำเอาประเด็นดังกล่าวไปร้องเรียน ที่ประชุม กสม.จึงเห็นว่าเมื่อนายสุวิทย์ซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ประสงค์ให้ กสม.ตรวจสอบ กรณีจึงเป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 39 (7) ประกอบระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2561 ข้อ 17 วรรคสอง (4) จึงมีมติไม่รับเรื่องร้องเรียน

 

ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้  ภรรยาของนายอับดุลเลาะห์  ผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เข้าร้องกสม. ขอให้ตรวจสอบกรณีสามีถูกควบคุมตัวในค่ายทหารและต่อมาเกิดสมองตาย ซึ่งคณะทำงานกลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ที่มี นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม. เป็นประธานคณะทำงาน ได้มีมติให้รับเรื่องไว้ตรวจสอบ แต่ขั้นตอนต้องรอเสนอที่ประชุม กสม. มีมติรับเรื่องเป็นทางการตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ กสม เหลือเพียง 3 คน จึงทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม

 

ทั้งนี้  ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 2560 มาตรา 11 กำหนดให้มี “กรรมการสรรหา” ที่จะมาคัดเลือกผู้ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการสิทธิฯ ต้องประกอบด้วย

(1) ประธานศาลฎีกา 
(2)ประธานศาลปกครองสูงสุด 
(3)ประธานสภาผู้แทนราษฎร 
(4)ผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
(5) ผู้แทนองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน 3 คน
(6) ผู้แทนสภาทนายความ 1 คน
(7)ผู้แทนสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข  1 คน
(8)ผู้แทนสภาวิชาชีพสื่อมวลชน  1 คน

(9)อาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษา 1 คน

  ทั้งกรรมการ กสม.มีวาระอยู่ในตำแหน่งเป็นเวลา  7 ปี