แฉฉาว สร้างภาพลวงตาแก้ปัญหาประมง

29 ต.ค. 2562

13:33 น.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์

ประชุมจัดระเบียบประมงชายฝั่งเมืองคอนล้มเหลว-9 พ.ย.นัดรวมพลรอบ 2 ร้องถึงอธิบดี ฯและรัฐบาลผ่าน ส.ส.พปชร.และพร้อมรวมพลบุกทำเนียบรัฐบาล-แฉเจ้าหน้าที่ไม่กล้าบังคับใช

จากกรณีชาวประมงพื้นบ้านอวนลอย อ่าวปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นำโดยนายมาโนช ดวงดี นายกสมาคมประมงชายฝั่ง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 50 คนได้เดินทางด้วยเรือหางยาวประมาณ 20 ลำไปยังสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อยื่นหนังสือถึงสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้มีการจัดระเบียบการปักไม้ไผ่ในอ่าวปากพนังและใกล้เคียง อ้างว่าเป็นการสร้างบ้านปลา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงชายฝั่งซึ่งใช้เรือหางยาวเป็นพาหนะในการออกทำประมงชายฝั่งไม่สามารถประกอบอาชีพวางอวนดักจับปลาหรือสัตว์น้ำได้ตามปกติ และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเรือชนแนวไม้ไผ่ที่ปักในตามแนวชายฝั่ง โดยมีนายจตุพร เคว็จดำ เจ้าพนักงานตรวจท่า ชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกมต้อนรับและรับหนังสือจากกลุ่มชาประมงชายฝั่ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

(29 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่าเมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) นายสันธนะ จันทร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครศรีธรรมราช ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทินายระบิล ทองนาค เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 นายสมเกียรติ ขวัญเมืองหัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง นายประยุทธ์ แซ่ลิ้ม กำนัน ต.แหลมตะลุมพุก นายมาโนช ดวงดี นายกสมาคมประมงชายฝั่งปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านจาก อ.หัวไทร และจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อหารือในการแก้ไขปัญหา แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้เนื่องจากชาวประมงในแต่ละพื้นที่ที่ทำการปักไม้ไผ่ในอ่าวตลอดแนวชายฝั่งยืนยันไม่ยอมถอนไม้ไผ่ที่ปักออกอย่างเด็ดขาด แม้การกระทำดังกล่าวทำให้ชาวประมงชายฝั่งบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มลอยอวนดักจับปลากระบอกและสัตว์น้ำอื่น ๆ ประกอบอาชีพอย่างยากลำบากหรือไม่สามารถประกอบอาชีพได้ก็ตาม

โดยนายประยุทธ์ แซ่ลิ้ม กำนัน ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง และตัวแทนกลุ่มประมงที่ได้รับการสนับสนุนการปักไม้ไผ่ในทะเลแต่ละพื้นที่ตั้งแต่ ต.ปากพูน ไปจนถึง อ.หัวไทร ต่างยืนยันว่าการปักไม้ไผ่เป็นแนวในทะเลดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประมงจงหวัดนครศรีธรรมราช และส่งผลดีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล และป้องกันกลุ่มทำประมงโดยใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรือคราดหอยทั้งจากในพื้นที่และที่มาจากต่างจังหวัดไม่สามารถเข้าไปคาดหอยในพื้นที่ที่มีการปักไม้ไผ่กั้นเป็นแนวเขตได้

แฉฉาว สร้างภาพลวงตาแก้ปัญหาประมง

ในขณะที่นายมาโนช ดวงดี กล่าวว่า ชายทะเลในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งอ่าวปากพนังเป็นพื้นที่สาธารณะที่ชาประมงชายฝั่งหรือประมงพื้นบานสามารถใช้ประโยชน์รวมกันในการทำประมงพื้นบ้าน แต่เมื่อมีการปักไม้ไผ่กั้นพื้นที่เป็นแนวยาวในแต่ละพื้นที่ กำหนดให้ชาวประมงของแต่ละพื้นที่ทำประมงได้และมีการปักปั้น แบ่งสันปันส่วนทะเลกันแบบนี้และห้ามชาวประมงพื้นบ้านจากพื้นที่อื่น ๆ เข้าไปทำประมง เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของทะเลตนเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งน่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายทั้งลักษณะของการยึดครองพื้นที่ในทะเลด้วยการสร้างสิ่งกีดขวางในทะเล ที่สำคัญการปักไม้ไผ่รูปแบบดังกล่าวยังอ้างให้ดูดีว่าเป็นการสร้างบ้านปลา ซึ่งตนมั่นใจว่ามันไม่ใช่บ้านปลาตามรูปแบบที่หน่วยราชการและหลักวิชาการกำหนด เพราะปลาและสัตว์น้ำจะไม่สามารถเขาไปอาศัย ผสมพันธุ์ แพร่ขยายพันธ์หรือหลบภัยในช่วงมรสุมได้เลย และการทำประมงพื้นบ้านที่ถูกต้องตามกฎหมายมีหลายประเภท มันไม่ใช่ว่าตัวเองหรือกลุ่มตัวเองได้ผลประโยชน์ก็พอแล้วน่าจะเข้าใจ เห็นอกเห็นใจชาวประมงคนอื่นหลุ่มอื่น ๆ ด้วย

“เมื่อไม่สามารถตกลงกันเรื่องการจัดระเบียบการปักไม้ไผ่ในอ่าวปากพนังและแนวชายฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ตนเสนอให้กรมเจ้าท่าลงพ้นที่และบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดตรงไปตรงมา และหากลงพื้นที่พบว่าอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือผิดกฎหมายก็บังคับใช้กฎหมายดำเนินการหรือดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาดจริงจัง”

อย่างไรก็ตามนายสันธนะ จันทร ยืนยันว่าจะยังไม่ลงพื้นที่จนกว่าจะมีการเจรจาตกลงกันได้ข้อยุติเสียก่อน เพราะหากลงพื้นที่และดำเนินการตามกฎหมายจริง ๆ จะส่งผลกระทบกับการทำประมงชายฝั่งหรือประมงพื้นบ้านและจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านอย่างหนัก ซึ่งทางเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครศรีธรรมราช จะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและกลุ่มชาวประงพื้นบ้านทุกกลุ่มในอ่าวปากพนังและในจังหวัดนครศรีธรรมราชมาร่วมประชุมหารือหาทางออกในเรื่องนี้กันอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ก่อนจะปิดประชุมและทั้งหมดแยกย้ายกลับไป

แฉฉาว สร้างภาพลวงตาแก้ปัญหาประมง

นายมาโนช ดวงดี กล่าวว่า การนัดประชุมของเจ้าท่าสาขานครศรีธรรมราชในครั้งนี้ถือล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ซึ่งตนเสนอให้เจ้าท่าส่วนภูมิภาคพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบในพื้นที่จริง เจ้าท่า ฯก็ไม่กล้าอ้างว่าจะนำไปสู่คามขัดแย้ง แต่ในข้อเท็จจริงเพราะในอ่าวปากพนังและพื้นที่ชายทะเลแนวชายฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราชมีเครื่องมือผิดกฎหมายเต็มไปหมด ทั้งโพงพางปีก อ้ายโง่ หรือลอบพับ เรือคราดหอย เป็นต้น เท่ากับว่าทุกฝ่ายก็ยอมรับว่าในปัจจุบันที่ประมงและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องอ้างว่าได้ทำการปราบปราบการใช้เครื่องมือผิดกฎหมายทำประมงหมดแล้วตามโครงการ“ปากพนังโมเดล”เป็นการแหกตาประชาชนและผู้บังคับบัญชาใช่หรือไม่ เพราะวันนี้หากลงไปในพื้นที่จะพบความจริงว่าเครื่องมือทำประมงผิดกฎหมายเต็มอ่าวเห็นได้ชัดเจน ถามว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยเอาไว้ได้อย่างไร ยิ่งตอนกลางคืนเรือคราดหอย 400-500 ลำทั้งในพื้นที่และมาจากต่างจังหวัดเต็มอ่าวปากพนังและใกล้เคียงเจ้าหน้าที่เคยจับกุมมาดำเนินคดีได้บ้างหรือไม่ และเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

“ทำไมเจ้าท่า ฯจึงไม่กล้าลงพื้นที่เพราะกลัวจะพบความจริงโดยจะเห็นกับตาตัวเองว่าเครื่องมือประมงผิดกฎหมายเต็มอ่าวตลอดแนวชายฝั่งนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะอ่าวปากพนังใช่หรือไม่ และพบว่าการปักไม้ไผ่ในทะเลกั้นพื้นที่อ้างบ้านปลารวมพื้นที่หลายพันไร่ จริง ๆ แล้วมันเป็นบ้านปลาตามหลักวิชาการที่ถูกต้องหรือไม่ และน่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายในการแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่กลางทะเลที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ใช้ประกอบอาชีพร่วมกันใช่หรือไม่ ซึ่งตนเห็นด้วยกับการอนุรักษ์และต่อสู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งมาตลอดชีวิต แต่ไม่ใช่การนำไม้ไผ่มาปักในทะเลกันแนวเขตนับพันไร่แล้วอ้างสร้างบ้านปลาในลักษณะนี้ ซึ่งหากใครก็สามารถปักปันแนวเขตและได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของทะเลได้ถึงวันนี้พื้นที่ในทะเลคงมีเจ้าของไปหมดแล้ว เจ้าหน้าที่เองนั้นแหละเป็นตัวการทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราชมาตลอดและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่กล้าบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเสมอภาคเท่าเทียมกัน การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ช่วงรัฐบาล คสช.เป็นการปฏิบัติแบบลับลวงพราง สร้างภาพลวงตาเท่านั้น ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาปัญหาประมงพื้นบ้านเมืองคอนกลายเป็นมหากาพย์ที่หาข้อยุติไม่ได้และ 1 เดียวในเมืองไทยที่มีปัญหารุนแรง ทั้ง ๆ ที่มีจังหวัดที่มีอาณาเขตติดแนวชายฝั่งทะเลมากถึง 22 จังหวัดแต่ละจังหวัดก็มีการทำประมงชายฝั่งหรือประมงพื้นบ้านทั้งนั้น ไม่มีจังหวัดใดมีปัญหาเหมือนที่นครศรีธรรมราช”

นายมาโนช ดวงดี กล่าวอีกว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้กลุ่มชาวประมงอวนลอยใน อ.ปากพนังและใกล้เคียงจะรวมตัวกันอีกรอบในวันที่ 9 พ.ย. 2562 นี้เพื่อยืนหนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีกรมเจ้าท่าผ่านสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ลงพื้นที่จัดระเบียบอ่าวปากพนังและตลอดแนวชายฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช และจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงรัฐบาบผ่านศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐจังหวัดนครศรีธรรมราช และหากยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จะนัดเดินทางไปปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้จนถึงที่สุด.

แฉฉาว สร้างภาพลวงตาแก้ปัญหาประมง