แอฟริกาใต้เผยระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราว หลังพบประสิทธิภาพลดลงเมื่อเผชิญเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ. รัฐบาลแอฟริกาใต้เปิดเผยการระงับใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 22019 (โควิด-19) ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ในประเทศจนกว่าจะมีข้อมูลประสิทธิผลทางคลินิกของวัคซีนต่อการป้องกันเชื้อไวรัสฯชนิดกลายพันธุ์ออกมาเพิ่มเติม
อ่านข่าว บูลลี่คืออะไร พ่อแม่อย่ามองข้าม ปัญหาที่ไม่ใช่แค่เพียงการแกล้งกันของเด็กๆ
ซเวลี ไมซ์ รัฐมนตรีกระทรวงการสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ กล่าวระหว่างแถลงข่าวหลังจากผลการศึกษาฉบับหนึ่งระบุว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเผชิญเชื้อไวรัสฯชนิดกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ ซึ่งอยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดระลอกสองในประเทศ ว่า
"เราระงับใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะเข้าใจประเด็นต่างๆทั้งหมดเพื่อกำหนดแผนงานถัดไป ผลการศึกษาชี้ว่าเชื้อไวรัสฯชนิดกลายพันธุ์ได้ลดประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อระดับเล็กน้อยถึงปานกลางของวัคซีนลงอย่างมีนัยสำคัญ และเรายังไม่มั่นใจว่าวัคซีนจะมีผลกระทบต่อการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล การเจ็บป่วยขั้นรุนแรง และการเสียชีวิตอย่างไรบ้าง บรรดานักวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการเพื่อค้นหาวิธีการที่เราจะสามารถใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกาได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
อนึ่ง วัคซีนของแอสตราเซเนกา จำนวน 1 ล้านโดส ถูกขนส่งถึงแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา และจะหมดอายุในเดือน เม.ย.นี้ โดยเดิมทีรัฐบาลวางแผนฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ภายในสัปดาห์นี้
คณะนักวิทยาศาสตร์กล่าวในงานแถลงข่าวว่า วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสฯชนิดกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ โดยซเวลี ไมซ์ รัฐมนตรีกระทรวงการสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ ระบุว่า จะแจ้งความคืบหน้าของประเด็นนี้อีกครั้งเมื่อวัคซีนถูกขนส่งมาถึงแอฟริกาใต้ ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนหลายรายและพิจารณาวัคซีนจากประเทศต่างๆ
Cr.xinhuathai
ข่าวที่เกี่ยวข้อง