ข่าว

'บิ๊กต่าย' ยังไม่ทราบเรื่อง 'ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก' ร้องถูกทำร้ายร่างกาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'รรท.ผบ.ตร.' เผยยังไม่ทราบ 'ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก' ร้องถูกทำร้ายร่างกาย ขณะที่ 'บิ๊กโจ๊ก' ร้อง ก.ตร. ยืนยันไม่หนักใจ และวันนี้ไม่มีแต่งตั้งผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น พล.ต.อ.

จากกระแสข่าวลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร้องเรียนถูกทำร้ายร่างกาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร. ระบุว่า ตนยังไม่ทราบ แต่หากเกิดขึ้นจริงก็มีหลายช่องทางที่จะติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ร้องเรียนตามระบบต่อผู้บังคับบัญชาของ ตร. ก็ได้ แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลูกน้องของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นร้องเรียนไปยัง พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. โดยทางด้าน พล.ต.อ.วินัย ระบุว่าสั้นๆเพียงว่า ยังไม่ได้มาร้อง รอถามในการแถลงข่าวอีกครั้ง

ส่วนบ่ายวันนี้จะมีการประชุมข้าราชการตำรวจ ผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ว่าจะมีการนำประเด็นเรื่องร้องเรียนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกี่ยวกับอำนาจการสอบสวนของพนักงายสอบสวน สน.เตาปูน และ การให้ออกจากราชการไว้ก่อนโดยมิชอบนั้น จะนำเข้าที่ประชุมด้วยหรือไม่

 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นวาระที่ฝ่ายเลขานุการได้กำหนดไว้คิดว่าเป็นเรื่องของการประชุม ตนคงไม่ออกมาเปิดเผยอะไร และถ้ามีการเสนอวาระก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ตนคงไม่ได้เข้าพิจารณาด้วย

 

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ ส่วนตัวยืนยันไม่กังวลและยังมั่นใจว่า ในฐานะรักษาราชการแทนก็ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ โดยถอยหลังกลับไปก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริการ โดยกองวินัยได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนรายงานต้องคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และเสนอความเห็นให้ตนดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 ส่วนเรื่องร้องเรียนตอนนี้มีกี่เรื่องตนยังไม่ทราบ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร

ส่วนความคืบหน้าคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง รรท.ผบ.ตร. ระบุว่า ตอนนี้ตนได้สอบถามความคืบหน้าจาก พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอยู่ ได้รับทราบเพียงเท่านี้

 

ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร้องขอให้เปลี่ยนตัวคณะกรรมการสอบวินัยนั้น ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิ์โดยถูกต้องและชอบธรรม เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ก.ตร. แต่ขั้นตอนต่อไปตนได้สั่งการให้กองวินัยไปพิจารณาและเสนอความเห็นว่า คณะกรรมการท่านใดขัดต่อคุณสมบัติที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นคัดค้านไปหรือไม่ หากขาดคุณสมบัติและเป็นไปตามที่ยื่นคัดค้านก็จะต้องมีการพิจารณาเปลี่ยนตัว เพื่อไม่ให้เป็นกรรมการ ถือว่าเป็นกระบวนการให้ความเป็นธรรมและเป็นการถ่วงดุลระหว่างคณะกรรมการกับผู้ถูกกล่าวหา แต่ถ้าฝ่ายวินัยพิจารณาแล้วเห็นว่า คณะกรรมการในจำนวนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คัดค้านไม่ขัดต่อคุณสมบัติที่กฎ ก.ตร. กำหนดไว้ คณะกรรมการก็จะดำเนินการสอบสวนพิจารณาทางวินัยต่อไป ซึ่งตนไม่ได้วางกรอบระยะเวลาไว้ เพราะคณะกรรมการสอบสวนมีกรอบเวลาตามที่กำหนดไว้ตามกรอบ กฎ ก.ตร.อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่พล.ต.อ.สราวุฒิ ในฐานะประธานฯ จะสอบสวนพิจารณาตามพยานหลักฐานการประชุม และเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาในเรื่องนี้อยู่แล้ว 

 

ส่วนจะสอบสวนแล้วเสร็จก่อนที่ พล.ต.อ.สราวุฒิจะเกษียณอายุราชการหรือไม่ เรื่องกรอบระยะเวลาเป็นเรื่องภายใน รวมถึงเรื่องการขยายเวลาด้วย อาจจะสอบสวนแล้วเสร็จก่อนเกษียณอายุก็ได้ หรืออาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนเป็นระยะเวลานานก็ได้ เมื่อถามว่า ทำไมถึงแต่งตั้ง พล.ต.อ.สราวุฒิ เป็นประธานฯ เป็นเพราะอยู่ในจุดที่ทำให้ข้าราชการตำรวจและสังคม ซึ่งอยู่ในจุดที่มีความเป็นกลางที่สุดแล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรมระหว่างข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา จึงได้มอบหมายและสั่งการออกมาเป็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.สราวุฒิ เป็นประธานฯ ในเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่าเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา และขออย่าใช้คำว่าตกใจ เพราะเป็นข้าราชการตำรวจก็ต้องมีหน้าที่รับภารกิจต่าง ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่ พล.ต.อ.สราวุฒิไม่มั่นใจจะเสร็จทันก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ ตนมองว่าไม่มีคำว่ามั่นใจ เพราะเป็นเรื่องที่ประธานและคณะกรรมการต้องพิจารณาตามขั้นตอนหรือกระบวนการที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร.และกฎหมาย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวอยากให้เรื่องนี้จบก่อนที่พล.ต.อ.สราวุฒิจะเกษียณอายุราชการหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ไม่มีความคิดว่าจะจบก่อนหรือไม่จบก่อน ขอให้เป็นการดำเนินการของคณะกรรมการ เป็นไปตามบทบาทและกระบวนการขั้นตอน ตนยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด จะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจะพิจารณาไปตามพยานหลักฐานและการประชุมของคณะกรรมการ

 

ส่วนได้วางแผนสองรองรับในกรณีที่สอบสวนไม่แล้วเสร็จหรือไม่ เรื่องนี้พล.ต.อ.สราวุฒิจะต้องทำงานไปตามหน้าที่ในฐานะประธานกำกับเรื่องการพิจารณาไปตามกระบวนการ แต่ถ้าไม่แล้วเสร็จก็ต้องไปดูในวันที่เกษียณว่ายังเหลือรอง ผบ.ตร.ท่านใดบ้าง แต่ก็ยังยึดหลักความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาเสมอ รวมถึงต้องพิจารณาไปตามกฏหมายและระเบียบ ก.ตร.ที่กำหนดไว้

 

เมื่อถามว่า รอง ผบ.ตร.คนต่อไปที่จะต้องมารับช่วงต่อ จะเป็นจเรตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ต้องไปดูวันนั้น เพราะตนก็ยังไม่รู้ว่าใครจะถูกเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.และใครจะได้รับมอบหมายงานอะไร เมื่อยังไม่ทราบก็ยังไม่ได้คิดถึงวันนั้น เพราะตนก็ไม่รู้ว่าวันหน้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า ขอให้ไปดูวันนั้นดีกว่า

 

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เชิญตนไปให้ข้อมูลที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่ายังไม่ทราบกระแสข่าว ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการ เพราะตนอยู่ในฐานะรองประธานและกรรมการด้วย

 

ส่วนที่มีประเด็นว่าจะมีการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.โดยการดึงผู้ช่วยฯ ผบ.ตร.ขึ้นมา ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มี ตอนนี้เป็นนายพลที่จะเกษียณอายุราชการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งใช้ข้อกำหนด ก.ตร.ปี 2566 ผ่านมติเห็นชอบเพื่อนำมาใช้ และยืนยันว่าไม่มีนายพลที่จะมอบหมา

ยให้เป็นพลเอก

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ