ข่าว

'นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ' แจ้งความเอาผิดผับ ถูกการ์ดใส่กุญแจมือ-ตบหน้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ' เข้าแจ้งความเอาผิด ผับและการ์ด หลังถูกใส่กุญแจมือ-ตบหน้า ปมหยิบน้ำดื่มกลับโต๊ะ ยันไม่ได้ขโมย ขณะที่ผับย่านถ.ข้าวสาร ขอโทษ แสดงความรับผิดชอบเยียวยาชดใช้ให้ 5 หมื่นบาท

จากเหตุการณ์พนักงานรักษาความปลอดภัยของผับแห่งหนึ่ง ย่านถนนข้าวสาร ใส่กุญแจมือ 'นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ' ด้วยเหตุเข้าใจผิดคิดว่า นักท่องเที่ยว ขโมยน้ำดื่ม ก่อนที่จะถูกตบหน้า 2 ครั้ง ขณะที่ทางร้านดังกล่าวได้มีไล่ออกพนักงานแล้ว

 

 

ล่าสุด ทางด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้พา 'นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ' สัญชาติอเมริกัน ผู้เสียหายเข้าพบ พงส.บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดเจ้าของผับและการ์ดที่จับใส่กุญแจมือแล้วทำร้ายร่างกาย 2 คน ก่อนที่จะทางผับจะเดินทางเข้าขอโทษพร้อมจ่ายเงินเยียวยาจำนวน 5 หมื่นบาท

 

โดย ผู้เสียหาย ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เกิดเหตุช่วงคืนวันที่ 24 ก.พ. ต่อเนื่องวันที่ 25 ก.พ. เวลาประมาณ 02.00 น. ตนพร้อมด้วยน้องชายและเพื่อนผู้หญิงสองคนไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งนี้ ระหว่างนั้นเพื่อนได้เบียร์มาดื่ม 2 ขวด แต่ทางบาร์เทนเดอร์ได้ยื่นน้ำเปล่าให้ด้วย จึงคิดว่าน้ำฟรี จึงถือกลับโต๊ะด้วย 

 

 

ต่อมาปรากฏว่าทางการ์ดได้เดินมาเรียกเข้าไปคุยอีกห้องหนึ่ง พร้อมกับมีการล็อคกุญแจมือ และทำร้ายร่างกายตบหน้าประมาณ 2 - 3 ครั้ง ก่อนใช้มีดยาวข่มขู่ โดยระบุว่าขโมยน้ำดื่ม หลังเกิดเหตุเพื่อนได้แนะนำให้ตัวเองปรึกษาทนาย จึงเข้ามาแจ้งความวันนี้ 

 

 

"ยืนยันว่านำน้ำดื่มกลับโต๊ะ เพราะคิดว่าแจกฟรี เนื่องจากในต่างประเทศเวลาที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มักจะให้น้ำเปล่าฟรี จึงคิดว่าประเทศไทยน่าจะเหมือนกัน ไม่ได้มีเจตนาขโมยอย่างแน่นอน เพราะมีเงินจ่าย ส่วนที่บอกว่าพบยาเสพติดด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด"

 

 

ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ ทนายความระบุว่า ที่เข้ามาแจ้งความวันนี้ ในส่วนของการ์ด ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย และพกพาอาวุธมีด และอยากให้ตำรวจตรวจสอบสถานบันเทิงที่เกิดเหตุว่ามีการเปิดให้บริการเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ โดยเรื่องที่เกิดขึ้นทางร้านไม่เคยติดต่อกลับผู้เสียหายเลย

 

 

ขณะที่ นายประสิทธิ์ สิงห์ดำรงค์ ทนายความของทางร้าน พร้อมด้วย นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร ได้เดินทางมาที่กองปราบ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย และแสดงความรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบอกว่าที่ผ่านมาพยายามติดต่อหาผู้เสียหายแต่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อรู้ว่าวันนี้จะเข้ามาแจ้งความจึงเดินทางมารอเพื่อขอเจรจา

 

ขณะที่ นายสง่า ระบุว่า หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับกลุ่มการ์ดผู้ก่อเหตุ บอกว่าเป็นความเข้าใจผิดคิดว่า นักท่องเที่ยว จะขโมยน้ำดื่ม แต่ก็ยอมรับว่ามีการใส่กุญแจมือซึ่งเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เรียกเจ้าของร้านมาทำความเข้าใจมาตรการ โดยมีการสั่งปิด 3 วันตามที่ทำข้อตกลงกันไว้ในมาตรการ

 

 

ด้าน นายประสิทธิ์ ยืนยันว่า ทางร้านไม่ได้ละเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมไล่การ์ดชุดที่ดูแลความปลอดภัยวันเกิดเหตุออก 6 คน รวมทั้งผู้จัดการร้านอีก 1 คน 

 

 

"หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบ ยืนยันได้ว่า การ์ดไม่ได้ใช้อาวุธมีดก่อเหตุตามที่ถูกกล่าวอ้าง ส่วนเรื่องการใช้กุญแจมือปกติจะต้องเป็นการ์ดที่ผ่านการอบรมจึงจะใช้ได้ แต่การ์ดชุดนี้ยอมรับว่ามีการใช้กุญแจมือโดยพลการ"

 

 

โดย นายประสิทธิ์ ทนายความของร้านดังกล่าว ได้กล่าวขอบคุณผู้เสียหายที่ให้ทางร้านได้มีส่วนในการรับผิดชอบจากการถูกทำร้ายในร้าน ได้มีการมอบกระเช้าเป็นการแสดงออกเบื้องต้นในการแสดงน้ำใจรับผิดชอบเล็กๆ น้อยๆ กับผู้เสียหาย

 

 

ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 20 มีนาคม จะพาผู้เสียหายไปพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เนื่องจากทางผู้เสียหายต้องรอน้องที่เดินทางไปต่างจังหวัดกลับมาก่อน จะได้เดินทางไปพบตำรวจพร้อมกัน ทางร้านแสดงการขอโทษและแสดงน้ำใจต่อผู้เสียหายก็ขอบคุณไว้ที่นี่ด้วยเพื่อภาพพจน์แก่ประเทศไทยเราจะได้ไม่เสียหายไปกว่านี้

 

 

ด้าน ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้สึกสบายใจขึ้น และยืนยันว่าจะเดินทางมาเที่ยวสถานบันเทิงของประเทศไทยแน่นอน ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด ซึ่งทางสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร รับรองความปลอดภัยให้แล้ว จะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ แบบที่ผ่านมาอีก "ผมยังคงมาเที่ยวเมืองไทย ด้วยความสนุกสนานต่อไป และยังคงมีความรู้สึกดีๆ ต่อเมืองไทย ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด"

 

 

มีรายงานว่า การเจรจากันทั้งสองฝ่าย โดยมีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย โดยฝ่ายผู้เสียหายได้เรียกร้องเงินค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท ซึ่งทางตัวแทนของร้านยินดีที่จะชดใช้ให้ทำให้ ผู้เสียหาย และทนายความพอใจและยกโทษให้

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ