ข่าว

เตรียมใช้ "รถบรรทุกEV" ขนส่งสินค้าแทนดีเซล คาดผลศึกษาแล้วเสร็จ เม.ย. 66

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สหพันธ์ขนส่งฯ เร่งศึกษาทดสอบ "รถบรรทุกEV" ชี้ต้องปลอดภัย-สมรรถนะทำงานได้เท่าเดิม-เซฟต้นทุน คาดผลแล้วเสร็จ เม.ย. 2566 เคาะแนวทางให้รถบรรทุก 4 แสนคันตัดสินใจ

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลสนับสนุนการใช้ ยานยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบัน เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้น เพื่อลดมลภาวะทางอากาศ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น สหพันธ์ขนส่งฯ จึงแนวคิดที่เปลี่ยน รถบรรทุก ที่ใช้น้ำมันดีเซลมาเป็นใช้ "รถบรรทุกEV" 

 

 

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ทดสอบความเหมาะสมการเปลี่ยนมาใช้ "รถบรรทุกEV" โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเฉพาะหาก "รถบรรทุกEV" เกิดอุบัติเหตุ เพราะอาจจะทำให้เกิดระเบิดและเสียหายร้ายแรง ซึ่งสหพันธ์ขนส่งฯ ยังมีความกังวลอยู่ ดังนั้นหากจะนำรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้จริงจะต้องมีความปลอดภัย

 

สำหรับการศึกษาครั้งนี้จะมีการทดสอบเกี่ยวกับสมรรถนะของ "รถบรรทุกEV" เพื่อเปรียบเทียบระบบการทำงานกับ รถบรรทุก ที่ใช้น้ำมันดีเซล การบำรุงรักษา "รถบรรทุกEV"  การทดสอบอุปกรณ์ส่วนควบ เช่น ระบบเบรก การเหยียบคันเร่ง เป็นต้น รวมทั้งบริการหลังการขายบริษัทจะมีการดูแลอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า เนื่องจาก รถบรรทุกไฟฟ้า ที่นำมาใช้งานนี้มีระยะทางไกล ประมาณ 300-500 กิโลเมตร (กม.) และมีการเดินทางขนส่งสินค้าทั่วประเทศ

 

 

ดังนั้นจะต้องดำเนินการติดตั้งสถานชาร์จประจุไฟฟ้าบริเวณสถานีต้นทาง กลางทาง และปลายทางด้วย เพื่อให้เกิดการเดินทางที่ต่อเนื่องและไม่เกิดปัญหาตามมา รวมถึงระยะเวลาในการชาร์จประจุไฟฟ้าอย่างเร็วจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม. 30 นาที เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางและส่งสินค้า

 

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องความปลอดภัยและสมรรถนะแล้ว เรื่องแบตเตอรี่ยังเป็นสิ่งที่ค่อนข้างกังวล เพราะปัจจุบันแบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะสามารถใช้งานได้ 6 ปี เท่านั้น ขณะที่ รถยนต์ ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงใช้งานได้ 7-10 ปี ดังนั้นจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจาก "รถบรรทุกEV" รถไฟฟ้า ราคาแพงเพราะแบตเตอรี่ ทั้งนี้หากเป็น "รถบรรทุกEV" ต้นทุนจถอยู่ที่คันละ 5-6 ล้านบาท ส่วนรถบรรทุกดีเซลต้นทุนคันละ 2.8 ล้านบาท ซึ่งมีราคาต่างกันเท่าตัว แต่ในระยะยาว รถบรรทุกไฟฟ้า จะช่วยประหยัดได้มากกว่ารถบรรทุกที่ใช้น้ำมัน

 

 

อย่างไรก็ตามคาดว่า ผลการศึกษาเรื่องนี้จะแล้วเสร็จช่วงเดือน เม.ย. 2566 จากนั้นสหพันธ์ขนส่งฯ จะตัดสินใจวางแผนในการปรับเปลี่ยนมาใช้ รถบรรทุกไฟฟ้า ในอนาคตต่อไป ขณะนี้สมาชิกรถบรรทุกสหพันธ์ขนส่งฯ ที่มีประมาณ 400,000 คันทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นมีความสนใจเรื่องนี้อยู่ ดังนั้นหากสามารถดำเนินการเปลี่ยนมาใช้ รถบรรทุกไฟฟ้า ได้จะช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าได้ในอนาคต

 

 

logoline