ข่าว

เสี่ยงภัยไร้ค่าตอบแทน "ค่าเสี่ยงภัยโควิด" ครู- นร.ออนไซต์ที่รร. คุ้มไหม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เสี่ยงภัยไร้ค่าตอบแทน "ค่าเสี่ยงภัยโควิด" ครู นักเรียน ออนไซต์ที่โรงเรียน คุ้มไหม เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ภัยพิบัติ จากโควิด-19 โดยไม่มีเงินค่าตอบแทนค่าเสี่ยงภัย เหมือนกระทรวงอื่น

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักและยาวนานกว่าภัยพิบัติใดๆ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา โควิด-19 ส่งผลกระทบทุกวงการ ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยแต่ ครู-นักเรียน ออนไซต์ที่โรงเรียน แต่ไร้ “ค่าเสี่ยงภัยโควิด”  

 

ต่างก็ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยแตกต่างกันไป ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความเห็นของแพทย์หลายท่านว่า โควิด-19 ควรกลายเป็นโรคประจำถิ่นได้แล้ว 

 

แต่เพียงไม่กี่วันก็ต้องหยุดคิดใหม่ โควิด-19 ควรเป็นเพียงโรคติตต่อทั่วไป ไม่ใช่โรคประจำถิ่น ส่วนหนึ่งมีเหตุผลมาจากในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลทุ่มเท ทั้งกำลังและงบประมาณให้กับการแก้สถานการณ์โควิด-19 เป็นจำนวนมาก และยังมีผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ระหว่างการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยอีกพอสมควร

มีบางกระทรวงได้ใช้โอกาสดังกล่าวขอบรรจุข้าราชการจำมากในคราวเดียว มากกว่ากระทรวงอื่นทุกกระทรวง และยังใช้โอกาสในช่วงสุดท้ายขอเพิ่มจำนวนข้าราชการที่จะบรรจุด้วยเหตุโควิด-19 จำนวนหลายหมื่นอัตรา ในช่วงเวลาการระบาดของโควิด-19 

 

นับเป็นนาทีทองของข้าราชการกระทรวงดังกล่าว ได้รับทั้งค่าตอบแทน "ค่าเสี่ยงภัยโควิด" ด้วยเหตุที่ไม่มีข้าราชการกระทรวงอื่นปฏิบัติงานแทนได้ 

 

เชื่อหรือไม่ว่า ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19 ได้รับ “ค่าเสี่ยงภัยโควิด” วันละ 1,000 บาทขึ้นไป แม้ปฏิบัติงานในห้างหรูกลางเมืองก็ตาม ทำให้นึกถึงข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าได้รับ “ค่าเสี่ยงภัย” กันวันละกี่บาท

 

ย้อนกลับมาถึงระบบการศึกษาไทย ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลแต่อย่างใด แต่ใช้วิธีการที่เหมือนกับไม่มีมาตรฐานกับโรงเรียนและนักเรียน ที่ต่างก็อ้างว่า เป็นอนาคตของชาติ 

ไม่ว่าจะมีใครป่วยที่ไหน ใครติดเชื้อ สถานที่ที่ต้องปิดอันดับแรก คือ โรงเรียน โดยอ้างความเสี่ยงภัย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปี เปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมา 2 คน จึงรู้ว่า “ที่ผ่านมาการปิดประเทศ lock down นำมาสู่การปิดโรงเรียน ทำให้เด็กสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้ 

 

กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)จึงต้องจัดรูปแบบการศึกษาที่หลากหลาย แต่ที่สุดแล้ว ศธ.ก็พบว่า รูปแบบการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก คือ การมาโรงเรียน  หรือเรียนออนไซด์ ดังนั้น การปิดโรงเรียนจึงไม่ใช่มาตรการหลักของเรา” นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าว เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการเสวนา โอมิครอน ร้ายจริงหรือ? ถึงต้องปิดโรงเรียน และกล่าวย้ำอีกครั้งในการตรวจเยี่ยมโรงเรียนเพลินพัฒนา เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565

 

2ปี ครู-นักเรียนสู้โควิด

ระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ครูและนักเรียน ต้องทำการเรียนการสอน ด้วยความหวาดผวา ไม่ทราบว่า โรงเรียนจะโดนปิดเมื่อไหร่ บางโรงเรียนครูน้อย ไม่ครบชั้น ก็แย่พออยู่แล้วยังเปิดเรียนไม่ได้อีก เลยทำให้ยิ่งแย่ไปใหญ่ 

 

ในสถานการณ์ที่ต้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่น้อยกว่าใคร ขาดทั้งความรู้ ขาดทั้งอุปกรณ์ ขาดทั้งเครื่องมือ ในการป้องกันโรค แต่ก็ไม่ได้รับเงิน "ค่าเสี่ยงภัยโควิด" เหมือนข้าราชการบางกระทรวง

 

ครูที่ไม่ครบชั้นก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาบรรจุเพิ่ม อาคารเรียน บ้านพักครู หรือแม้แต่เงินอาหารกลางวัน ก็ไม่เคยได้รับการพิจารณาเพิ่มให้จากภัยโควิด-19

 

1 ก.พ.ออนไซต์ทุกโรงเรียน

ในวันที่1 กุมภาพันธ์ 2565 คาดว่า โรงเรียนเกือบทั้งหมด ทั่วประเทศ จะเปิดทำการเรียนการสอนแบบ On-site (ออนไซต์)โดยปราศจากอัตราบรรจุใหม่ และ "ค่าเสี่ยงภัยโควิด" แม้ว่า ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง บอกว่า เรามีแผนเผชิญเหตุของทุกโรงเรียน ที่ออกแบบไว้เป็นอย่างดี พร้อมปฏิบัติตามเมื่อพบนักเรียนป่วย หรือคาดว่า ติดเชื้อ

 

เวลานี้ ทุกสายตา จับจ้องมาที่ ผู้บริหารสถานศึกษา หรือ ผู้อำนวยการโรงเรียน(ผอ.รร.) ที่เป็นผู้ปฏิบัติจริง สั่งการจริง

 

อำนาจทุกอย่างมอบให้ผอ.รร.แล้ว ถึงเวลาต้องพิสูจน์ สิ่งที่เรียกร้องกันมานาน ขอให้โรงเรียนเป็นเอกเทศ บริหารงานแบบนิติบุคคล ถึงเวลาแล้ว พิสูจน์ให้สังคมไทยได้รู้ว่า ครูทำได้ โรงเรียนทำได้จริง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ