ข่าว

"นายกฯ" ให้ความมั่นใจกองทัพ ย้ำกลางสภากลาโหม ผมกับพี่ป้อม รักกันเสมอ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นายกฯ" ประชุมสภากลาโหม อารมณ์ดีคุยหยอกล้อ ผบ.เหล่าทัพ สไตล์พี่น้องทหาร พร้อมเปิดใจ ผมรักพี่ป้อมเสมอและตลอดไป ไม่มีอะไรแทรกแซงได้

 

 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาร่วมประชุมสภากลาโหมครั้งแรก นับตั้งแต่มีมาตรการคุมเข้มโควิด-19

 

 

โดยก่อนเข้าประชุม "นายกฯ"ได้ร่วมพิธีอำลาราชการของ พลเอกณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม , พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ,พล.อ.อ. แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณราชการรวม 19 นาย

 

 

สำหรับการประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาสภากลาโหม ไม่ได้มาร่วมประชุมด้วย

 

 

ขณะที่ พล.ท. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า พลเอก ประวิตร ไม่ได้มาร่วมประชุม เนื่องจากมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ทำให้บางท่านไม่ได้เดินทางมา

 

 

พร้อมยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ พลเอก ประวิตร  พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ยังเป็นหนึ่งเดียว เป็นพี่น้องที่เหนียวแน่น และยังมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศ ประชาชน เป็นหลัก และจรรโลงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่อยากให้เอาไปเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งกัน ทั้ง 3 ท่านมีความหนักแน่น

 

 

"นายกฯ" ยังย้ำว่า ความขัดแย้งต้องไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ ขอให้มั่นใจว่าการทำงานของรัฐบาลยังมีความเหนียวแน่น และเพื่อให้กองทัพเกิดความสบายใจกับกระแสข่าวว่าไม่ได้ มีปัญหาอะไรกัน

 

 

มีรายงานว่าหลังจบประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบปะกับผบ.เหล่าทัพ อย่างเป็นกันเอง หยอกล้อน้องๆ ทหารตามสไตล์ ไม่ได้มีความเครียดใดๆ พร้อมกล่าวย้ำว่า ตนกับ พลเอกประวิตร ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันรักกันเสมอและจะรักกันตลอดไป ไม่มีอะไรแทรกแซงได้

 

 

ขณะที่ก่อนเดินทางกลับ พลเอก ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด

 

 

"นายกฯ" สั่งจับตากระบวนการค้าอาวุธสงคราม เชื่อมโยงอาวุธในคลังหายไป ด้านโฆษกกลาโหม เผย มีทหารเกษียณ -ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เอี่ยว

 

 

 

 

 

พันเอกวันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา "นายกฯ" และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้นโยบายถึงการสับเปลี่ยนกำลังชายแดน และการปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ให้เหล่าทัพ และ กอ.รมน. ดำเนินการสับเปลี่ยนกำลังที่จะปฏิบัติภารกิจในกองกำลังป้องกันชายแดน และกำลังที่จะปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

 

 

โดยยังคงให้ความเข้มข้นการควบคุมบริเวณชายแดน โดยเฉพาะมาตรการการข่าว เพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การขนย้ายสินค้าเกษตรหนีภาษี การข้ามแดนของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย รวมถึงการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นการทำลายทรัพยากร
ธรรมชาติ และให้เอาผิดกับนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง

 

 

ส่วนการสับเปลี่ยนกำลังชายแดนโดยเฉพาะชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งไทยเตรียมจะเปิดประเทศด้วยนั้น พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้เเจงว่า การสับเปลี่ยนกำลังเป็นช่วงของรอยต่อสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งสถานการณ์ในเมียนมาปัจจุบันยังมีความเสี่ยงต่อการสู้รบ ใช้ความรุนแรงตามแนวชายแดนมากขึ้น

 

 

รวมทั้งอาวุธสงครามที่มีความเคลื่อนไหวของขบวนการค้าอาวุธมากขึ้น มีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยาเสพติด โดยขอย้ำว่าจุดยืนของรัฐบาลไม่สนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาในเมียนมา

 

 

และไทยพร้อมทำหน้าที่ดูแลผลกระทบจากการสู้รบ ทั้งคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งฝ่ายปกครองเตรียมการรองรับไว้เเล้ว โดยต้องทำงานร่วมกับ unhcr ด้วยในอนาคต 

 

ที่มา ข่าว-เนชั่นทีวี

 

 

 

 

ทั้งนี้ "นายกฯ" เน้นย้ำสั่งการเรื่องที่กลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามที่มีความเคลื่อนไหวมากขึ้นซึ่งจากการติดตามและจับกุมได้พบว่าข้าราชการระดับท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อขยายผลแล้วพบบุคคลหลายวงการ ซึ่งขณะนี้กำลังสอบสวนเชิงลึกอยู่

 

 

ขณะเดียวกันก็ไปดูความเชื่อมโยงของปืนลูกซองและปืนพกของทางราชการที่หายไป รวมถึงอาวุธปืนที่ถูกโจรกรรมของกองทัพด้วย ที่นำออกไปนอกประเทศและไปสร้างความรุนแรง โดยให้เอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่มียกเว้น และให้สอบเส้นทางการเงิน พร้อมเพิ่มความระมัดระวังหน่วยงานทางราชการที่มีคลังอาวุธ ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง 

 

พลโท คงชีพ ยอมรับว่า การสับเปลี่ยนกำลังก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อให้หน่วยงานที่เข้าไปทำงานในปีงบประมาณ 65 สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะงานข่าว

 

รวมถึงเส้นทางที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการสู้รบ ตั้งแต่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนต่อเนื่องมาถึงอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษทั้งยาเสพติด การลักลอบข้ามแดน อาวุธสงคราม รวมถึงความรุนแรงจากภายสู้รบที่เกิดขึ้น

 

 

สำหรับเบาะเเสที่เชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ยอมรับมีทหารที่เกษียณไปแล้วเข้าไปเกี่ยวข้อง กำลังสืบความเชื่อมโยงอยู่ ขอให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้วจะเปิดเผยให้ทราบ ซึ่งการที่ "นายกฯ" มาเน้นย้ำเรื่องนี้ เพราะมีการลักลอบโจรรกรรมหรือไม่

 

 

พร้อมสอบสวนขยายผลเชื่อมโยงขบวนการค้าอาวุธที่อยู่ในฝั่งตรงข้าม กองกำลังชนกลุ่มน้อย กับขบวนการค้าอาวุธในไทย โดยในส่วนของกองทัพขณะนี้ยังไม่มีข่าวสูญหายเพิ่ม

 

 

โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังบอกด้วยว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่เปิดประเทศ ดังนั้นพรมแดนทั้งสองฝั่งจึงยังปิดอยู่ การเข้ามาของเพื่อนบ้านถือเป็นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย

 

 

แต่ถ้าเปิดประเทศแล้วก็ต้องมีมาตรการคัดกรองต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลง MOU ร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน

 

อย่างไรก็ตามวันนี้มีปัญหาโรคระบาด 2 ประเทศก็ปิดอยู่ เพราะ
ฉะนั้นแรงงานไม่มีการเข้ามา จะมีก็เป็นกลุ่มลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งจะโทษเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะผู้ประกอบการยังเห็นแก่ได้ ยังมีความต้องการแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาทำงาน จนมีขบวนการนำพาเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จับกุมได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นทางกัมพูชา เมียนมา ลาว

 

 

ส่วน state quarantine ที่กองทัพรับผิดชอบมาตั้งแต่แรก ได้จบภารกิจวันที่ 15 กรกฎาคมแล้ว และส่งต่อให้กระทรวงสาธารณสุข เข้าไปดำเนินการต่อแล้ว 

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง 

 

 

 

 

 

 

 

logoline