ข่าว

ผอ.กองประกวด "นางสาวสมิหลา" ยันตัดสินเป็นกลาง-ไม่มีล็อกมง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟังจากปาก ผอ.กองประกวด "นางสาวสมิหลา" ยืนยันกรรมการเป็นกลาง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้าประกวดคนใด ส่วนใบคะแนนก็ไม่ใช่ใบจริง ผู้ประกวดเข้าใจผิดเอง

หลังจากที่ได้เกิดเหตุความวุ่นวายในการประกวดนางงาม "นางสาวสมิหลา 2020" ที่จังหวัดสงขลาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประกวดรอบสุดท้าย เฟ้นหาสาวงามครองตำแหน่ง "นางสาวสมิหลาประจำปี 2563" และเป็นหนึ่งไฮไลต์ในงานเทศกาลอาหารสองทะเลที่จัดขึ้นที่บริเวณสระบัวแหลมสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นงานประจำปีของ จ.สงขลา

 

       ผอ.กองประกวด \"นางสาวสมิหลา\" ยันตัดสินเป็นกลาง-ไม่มีล็อกมง

 

แต่ปรากฏว่าปีนี้เวทีต้องล่มเนื่องจากในรอบ 10 คนสุดท้าย มีสาวงาม 5 คนที่ตกรอบเดินขึ้นมาประท้วงกรรมการบนเวที เพราะมองว่าตัดสินไม่ยุติธรรม ค้านสายตาและมีการล็อคมงกุฎเอาไว้แล้ว จนกลายเป็นความวุ่นวาย สุดท้ายก็ต้องยุติการประกวดโดยที่ไม่มีใครได้ครองตำแหน่งนางสาวสมิหลาในปีนี้ และเงินรางวัลก็ให้หาร 10 คน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ผอ.กองประกวด \"นางสาวสมิหลา\" ยันตัดสินเป็นกลาง-ไม่มีล็อกมง

 

อ่านข่าว "นางสาวสมิหลา"เปิดใจครั้งแรก ปมวีนแตกกลางเวที จนเวทีล่ม ไม่มีใครได้มงไปครอง

 

 

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายแพทย์ปวริศ หะยีอามะ ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวสมิหลาในปีนี้ กล่าวว่า การประกวดนางสาวสมิหลาในปีนี้ และเกณฑ์การตัดสินได้ยกระดับเวทีสู่สากล ซึ่งต่างจากทุกปี โดยมีสโลแกนนางสาวสมิหลาต้องสวยพร้อมใช้ มีสมองยุคาใหม่ 5 จี เพื่อสู่สากลและต่อยอดได้ ผู้ที่จะครองตำแหน่งนางสาวสมิหลาประจำปี 2563 จะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมีออร่าและหน้าสดก็ต้องสวยด้วย มีทัศนคดีที่ดี มีสมอง ความสามารถรอบด้าน และต้องมีความเป็นอัตลักษณ์ของสงขลาด้วย

 

      ผอ.กองประกวด \"นางสาวสมิหลา\" ยันตัดสินเป็นกลาง-ไม่มีล็อกมง

 

นายแพทย์ปวริศ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของเกณฑ์การตัดสินก็จะดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าประกวด และยืนยันว่าทั้งตนและกรรมการทุกคนเป็นกลาง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้าประกวดคนใด กรรมการได้พิจารณาคะแนนดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องปัญหาคะแนนที่หลุดออกไปที่คนได้คะแนนต่ำได้เข้ารอบ คนได้คะแนนสูงตกรอบนั้น ใบคะแนนนั้นไม่ใช่ใบจริง เป็นเพียงแค่การโหวตของกรรมการทั้ง 9 คน ที่แต่ละคนเลือก 5 คนสุดท้ายมา แต่ใบคะแนนจริงคือสัดส่วนความสวย 60 เปอร์เซ็นต์ และการตอบคำถามกับทัศนคติอีก 40 เปอร์เซ็นต์ และยังต้องมาประชุมสรุปผลโหวตกันอีกครั้ง

 

ผอ.กองประกวด \"นางสาวสมิหลา\" ยันตัดสินเป็นกลาง-ไม่มีล็อกมง

 

ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนเสียใจมาก และขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการประกวดนางสาวสมิหลา เพราะก่อนหน้านี้ก็ถูกเชิญให้มาผู้อำนวยการกองประกวด จากความสำเร็จในการประกวดมิสแกรนด์สงขลา เพื่อที่จะให้เป็นเวทีนางงามที่ก้าวเข้าสู่สากล

 

 

"สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เป็นการประกวดรอบ 10 คนสุดท้าย และหลังเกิดปัญหามีการชี้แจงทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้วและจบลงด้วยดี ส่วนเรื่องเงินรางวัลลำดับที่ 1-5 ซึ่งมีเงินรางวัล 2 แสนบาท ได้หาร 10 โดยได้ไปคนละ 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายได้เพิ่มให้คนละ 1 หมื่นบาท"

 

      ผอ.กองประกวด \"นางสาวสมิหลา\" ยันตัดสินเป็นกลาง-ไม่มีล็อกมง

 

ขณะที่ นายมณฑลซึ่งเป็นพี่เลี้ยงนางงาม 3 คนที่มีปัญหา เปิดเผยว่า การประกวดนางสาวสมิหลาเป็นเวทีใหญ่ของภาคใต้ ซึ่งตนได้ส่งนางงามเข้าประกวดมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี เพราะเป็นสัญญาใจ แต่ที่เป็นปัญหาคือเรื่องของคะแนนที่หลุดออกมา เพราะคนที่คะแนนต่ำกลับเข้ารอบ คนที่คะแนนสูงกลับตกรอบ และทีแรกคณะกรรมการจะประกวดใหม่ในอีก 2 วัน แต่ดูแล้วพวกตนคงไม่ชนะ เพราะมีเรื่องขึ้นมาแล้ว รวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก จึงขอจบด้วยการแบ่งเงินรางวัลเท่าๆกันเพื่อความยุติธรรม

 

ผอ.กองประกวด \"นางสาวสมิหลา\" ยันตัดสินเป็นกลาง-ไม่มีล็อกมง

 

 

ด้าน น.ส.อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ประกวดที่ขึ้นไปถือไมค์พูดกับกรรมการ กล่าวว่า จากประสบการณ์ประกวดนางงามรู้แพ้รู้ชนะมาตลอด แต่ครั้งนี้คะแนนสูงและมั่นใจว่าตอบคำถามดีและเดินดีทุกอย่างแต่กลับตกรอบ จึงคิดว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง ในขณะที่เพื่อนนางงามอีก 2 คนที่อยู่ในทีมเดียวกันก็บอกว่าเสียใจกับการตัดสินในครั้งนี้ แต่เรื่องนี้ได้จบลงแล้วเนื่องจากทางคณะกรรมการได้แก้ปัญหาให้แบ่งรางวัลเท่าๆกันทั้ง 10 คน และได้รับเงินแล้ว ซึ่งเป็นธรรมกับผู้เข้าประกวดทุกคน

 

โดย นภาลัย ชูศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคคมชัดลึก จ.สงขลา

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ