ข่าว

"บิ๊กป้อม" จี้  "สทนช" ตั้งคณะทำงานติดตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำ 17 โครงการสำคัญพื้นที่ EEC

"บิ๊กป้อม" จี้ "สทนช" ตั้งคณะทำงานติดตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำ 17 โครงการสำคัญพื้นที่ EEC

03 ก.ค. 2563

"บิ๊กป้อม" เร่งรัด "สทนช" ตั้งคณะทำงานติดตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำ 17 โครงการสำคัญพื้นที่ EEC ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

วันนี้ (3ก.ค.63) เวลา 10.30 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 2/2563 ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (เดิม) ชั้น 2 อาคารสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ และร่วมกันพิจารณาทบทวนเป้าหมายขับเคลื่อนโครงการสำคัญ รวมถึงการปรับปรุงเร่งรัดแผนงานก่อสร้างภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก่อนให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี เนื่องจากการขยายตัวทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่มีแผนพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการเจริญเติบโตในทุกด้าน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ สทนช. จัดทำแผนการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 38 โครงการ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ถึง 872 ล้าน ลบ.ม. โดยได้รับจัดสรรงบประมาณขับเคลื่อนแล้ว 16 โครงการ เมื่อเสร็จตามแผนงานก่อสร้าง ปี 65 จะมีปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น 253.6 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการระบบสูบกลับคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง (ปี 60-65) ที่ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา และได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 64 ในส่วนอีก 22 โครงการ มีแผนงานตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป

โดยการประชุมในวันนี้ มีโครงการสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อน 17 โครงการ ใน 7 กลุ่มโครงการ ได้แก่

1.โครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 65-66 ซึ่ง สทนช. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เร่งขับเคลื่อนโครงการ โดยมอบหมาย ปตท. และ อีสท์ วอเตอร์รวบรวมข้อมูลด้านเทคโนโลยีและวิเคราะห์ราคาค่าน้ำที่เหมาะสมคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อกำหนดหน่วยงานของรัฐขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เป็นรูปธรรมภายในปี 64

2.โครงการพัฒนากลุ่มบ่อน้ำบาดาลสำหรับอุตสาหกรรม 12 ล้าน ลบ.ม. ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นการพัฒนาน้ำบาดาลระดับลึก ใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำบาดาล ปี 63 ศึกษาสำรวจและประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC เมื่อศึกษาแล้วเสร็จ ให้เสนอผลการศึกษาต่อ สทนช. เพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เป็นรูปธรรมภายในปี 64 และให้ทำแผนที่ศักยภาพน้ำบาดาลระดับลึกครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในระยะต่อไป

3.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำบางปะกง 2 โครงการ ของกรมชลประทาน ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำหนองกระทิง จ.ฉะเชิงเทรา ความจุ 15 ล้าน ลบ.ม. กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 65-68 และโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา ความจุ 27.5 ล้าน ลบ.ม. กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 66-68

4.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จ.ระยอง 2 โครงการ ของกรมชลประทาน ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จ.ระยอง ความจุ 40 ล้าน ลบ.ม. แผนงานก่อสร้าง ปี 66-68 ซึ่งเป็นโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนิน และโครงการเครือข่ายน้ำอ่างเก็บน้ำคลองโพล้-ประแสร์ จ.ระยอง ความจุ 20 ล้าน ลบ.ม. แผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 69-70 ที่ประชุมเร่งรัดให้ดำเนินการภายได้ในปี 66 เพื่อสามารถผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ไปอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้เร็วขึ้น 3 ปี

5.กลุ่มโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของแหล่งน้ำเดิม 4 โครงการ ของกรมชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำเดิมในเขตพื้นที่ EEC ประกอบด้วย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำมาบประชัน    จ.ชลบุรี ได้น้ำ 0.6 ล้าน ลบ.ม. ก่อสร้างปี 64 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำคลองประแกด จ.จันทบุรี ได้น้ำ 19.74 ล้าน ลบ.ม. ก่อสร้างปี 64 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำบ้านบึง จ.ชลบุรี ได้น้ำ 2.4 ล้าน ลบ.ม. ก่อสร้างปี 65 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง จ.สระแก้ว ได้น้ำ 17.5 ล้าน ลบ.ม. ก่อสร้างปี 65    

6.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา 2 โครงการ ของกรมชลประทาน ประกอบด้วย โครงการอุโมงค์ส่งน้ำอ่างเก็บน้ำพระสะทึง-คลองสียัด ความจุ 60 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งมีแผนงานก่อสร้างใน ปี 71-75 ที่ประชุมเสนอให้เร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมโครงการใน ปี 65 เพื่อปรับแผนก่อสร้างให้เร็วขึ้นอีก 2 ปี และโครงการระบบสูบกลับอ่างเก็บน้ำคลองสียัด ความจุ 6 ล้าน ลบ.ม. กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 71-73 เสนอปรับแผนก่อสร้างให้เร็วขึ้นในปี 66-68 และ

7.กลุ่มโครงการเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง และปรับปรุงขยายเขตการประปาส่วนภูมิภาค จ.ชลบุรี 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ความจุ 99.5 ล้าน ลบ.ม. แผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 65-70 โครงการเครือข่ายน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองค้อ-บางพระ ผันน้ำได้ 70 ล้าน ลบ.ม. กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 65-66 โครงการเครือข่ายน้ำคลองวังโตนด-อ่างเก็บน้ำประแสร์ เส้นที่ 2 ผันน้ำได้ 55 ล้าน ลบ.ม. กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 69-72 แผนงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาพัทยา-แหลมฉบัง–ศรีราชา (เพิ่มเติม) กำหนดแผนเริ่มก่อสร้างปี 65-67 และแผนงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาชลบุรี-พนัสนิคม-(พานทอง)-(ท่าบุญมี) ระยะที่ 2 (เพิ่มเติม) กำหนดแผนเริ่มก่อสร้างปี 65-67 ซึ่งการพัฒนาโครงการในกลุ่มที่ 7 นี้ จะต้องพิจารณาทบทวนตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการพัฒนาอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดด้วย

พลเอกประวิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนงานก่อสร้างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่อีอีซี หากดำเนินการแล้วเสร็จจะเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำให้กับทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่จะมีใช้น้ำได้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม พร้อมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน และที่ประชุมในวันนี้ได้ตั้งคณะทำงานทางเทคนิคการพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางวิชาการเฉพาะด้าน มาเสริมทัพร่วมกันทำงาน เพื่อสนับสนุนการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง และยังสามารถนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำได้อีกด้วย