ข่าว

เปิดใจภรรยา "จ่าจำปา" ถามกองทัพทำไมลงโทษสามีหนัก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ภรรยา "จ่าจำปา" ถามกองทัพทำไมลงโทษสามีหนัก ลั่นตัวเองต้องโกหกแม่จ่า เพราะไม่อยากให้รู้ความจริง

 

 

 

วันที่ 20 เมษายน 2563 จากกรณีข่าวนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นางเอื้อจิตร เจริญทรัพย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง และนายอนันต์ พรหมเพียรพงศ์ นายอำเภอรัษฎา ลงพื้นที่ตรวจดูความเรียบร้อยในการทำงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านย่อย ซึ่งอยู่บนถนนสายรอง หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.รัษฎา จ.ตรัง พื้นที่รอยต่อกับ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ เพื่อกำชับให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามคำสั่งและมาตรการจังหวัดตรังอย่างเคร่งครัด โดยไม่อนุญาตให้รถและคนผ่านเส้นทางดังกล่าวอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม  ปรากฏว่า จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา สังกัดกองพันทหารราบที่ 5 (ทุ่งสง) นครศรีธรรมราช ถือหนังสือรับรองการเดินทางในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผู้บังคับบัญชาออกให้มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ขณะนั้นนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่พบกัน จ.ส.อ.พีรศักดิ์ พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจว่าผ่านด่านดังกล่าวไม่ได้ จะต้องไปเข้าทางด่านหลักสร้างความไม่พอใจต่อ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ และนำไปสู่การตอบโต้กันจน จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ต้องเดินทางไปใช้ด่านหลัก  ต่อมา จ.ส.อ.พีรศักดิ์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนและถูกลงโทษทางวินัย ลงทัณฑ์โดยการ “จำขัง”เป็นเวลา 45 วัน และส่งไปฝึกที่ศูนย์ฝึกธำรงวินัย กองทัพภาค 4 (มทบ.41) และให้งดเงินบำเหน็จประจำปี 2563 ครึ่งปีหลัง นอกจากนั้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชา (พ.ต.ลิขิต ชาฎา) ตำแหน่ง ผู้บังคับกองร้อยหน่วยลาดตระเวนไกล พล.ร.5 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารนายดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองบัญชาการ พล.ร.5 ต่อมาสื่อโซเชียลได้ประโคมข่าวว่า สาเหตุที่ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ต้องการออกนอกพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มาเยี่ยมมารดา ที่ จ.ตรัง เนื่องจากมารดานอนเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งทางโซเชียลอ้างว่า บ้านจ่าจำปา ห่างจากด่านย่อยที่ปิดห้ามเข้า-ออก ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น (ความจริงห่างจากด่าน อ.รัษฎา 32 กม.) และมีการโจมตีผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ว่าเป็นคนทำให้จ่าเดือดร้อน ถูกลงโทษ โดยเอาภาพแม่จ่าที่กำลังนอนป่วย และอ้างว่าไม่มีคนดูแล มาเป็นประเด็นดราม่าในสังคมโชเชียล ทั้งนี้ พบว่าคนที่ปล่อยภาพแม่จ่าที่กำลังนอนป่วยคือ เป็นทหาร และครอบครัวทหารที่ต้องทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับระหว่างจังหวัดตรังกับค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่จ่าจำปา ทำงานอยู่ และทั้งหมดได้รับผลกระทบจากการคำสั่งปิดจังหวัดของผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง

 

 

 

เปิดใจภรรยา \"จ่าจำปา\" ถามกองทัพทำไมลงโทษสามีหนัก

 

 

 

 

 

 

เพื่อปกป้องพื้นที่ไม่ให้คนภายนอกนำเชื้อเข้าจังหวัดตรัง โดย ต.ลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีฯ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อและเป็นพื้นที่ระบาดพบผู้ป่วยเสียชีวิตและติดเชื้อหลายคน ทำให้จังหวัดตรังต้องปิดเส้นทางย่อยแบบถาวร เพื่อไม่ให้คนภายนอกพื้นที่เข้าไปในจังหวัดตรัง ยกเว้นบุคคลที่มีหน้าที่และยกเว้นไว้ในคำสั่งจังหวัดเท่านั้น เพราะจังหวัดพบผู้ป่วยติดเชื้อเพียง 7 คน และคนภายนอกนำเชื้อเข้าไปในจังหวัดถึง  5 คน และติดกันเอง (แพทย์) 2 คน) จึงจำเป็นต้องคัดกรองคนเข้าออกจังหวัดอย่างเข้มข้น 

 

 


สุดท้ายวันเกิดเหตุ ทาง จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา ก็ได้เข้าไปหาแม่โดยใช้เส้นทางหลักด่านคลองปางซึ่งเป็นด่านหลัก เข้าสู่การคัดกรองและสามารถเข้าไปหาแม่ที่ไม่สบายที่มีอาการปวดท้องได้ แต่แม่ก็ไม่ได้เข้ารพ.ตามที่โซเซียลกล่าวอ้าง เนื่องจากทางผู้ดูแลซึ่งเป็นญาติของภรรยาได้ให้ยาทานจึงหายจากอาการปวดท้อง

 


ล่าสุด นายลือชัย  เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง  มอบหมายให้ นางเอื้อจิตร เจริญทรัพย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรังเดินทางไปเยี่ยมมารดา จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเช่า ถนนรัชชูปการ เขตเทศบาลตำบลห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งห่างจากด่านประมาณ 32 กิโลเมตร โดยมีนางสาวธิดา โพธิสมบัติ ญาติฝ่ายภรรยาและภรรยาของจ่าจำป่า เป็นผู้ดูแล โดยเฉพาะหากจ่าจำปา และภรรยาไปทำงานในตอนกลางวันนางสาวธิดา ดูแลแทนตลอดเวลา ทั้งนี้ พบว่าคุณแม่ของจ่าเป็นผู้ป่วยติดบ้าน และได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีและใกล้ชิดจากครอบครัว โดยพยายามไม่ให้คุณแม่นอนตลอดเวลา จะพยายามให้ลุกเดิน และยกแขนขา แต่จะพยุงดูแลตลอดป้องกันไม่ให้ล้ม

 

 

เปิดใจภรรยา \"จ่าจำปา\" ถามกองทัพทำไมลงโทษสามีหนัก

 

 


 

นางเอื้อจิตร กล่าวว่า วันนี้ทางนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มอบหมายให้ทางกาชาดตรังและเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจนางสุการณ์ทิพย์ มารดา จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จากที่ได้สัมผัสดูแล้วมีคนมาดูแลมาให้กำลังใจกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนางสุการณ์ทิพย์รู้สึกดีใจและขอบใจ ซึ่งตนมาในบทบาทของกาชาดจังหวัดตรัง เมื่อชาวบ้านมีความทุกข์ก็ลงไปเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ และผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้ติดตามข่าวก็ให้ทางกาชาดลงมาเยี่ยมให้ถึงที่และให้เจอผู้ป่วยด้วยและให้กำลังใจพร้อมฝากความระลึกถึงมาด้วยว่าขอเป็นกำลังใจให้และมีสิ่งใดที่จะให้ทางจังหวัดช่วยก็ให้สามารถบอกเรามาได้ ท่านก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ ส่วนการดูแลหลังนี้ จะประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และมีเจ้าหน้าที่ อสม.มาดูแลเยี่ยมเยียน ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีจดบันทึกไว้เลยว่าในพื้นที่นี้ อสม.ใครดูแลเท่าไหร่แต่ในกรณีเคสนี้เขายังไม่ได้ลงว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงอาจจะเป็นกรณีติดบ้าน แต่กาชาดตรังก็จะเชื่อมโยงทางสาธารณสุขให้มาเยี่ยมดูแลเพราะว่าคนเราถ้าป่วยนานๆบางทีด้านจิตใจก็สำคัญเราก็จะให้เขามาดูแลในเรื่องอื่นๆทั้งการดูแลรักษาการกินยาการดูแลว่าทำยังไงให้เขามีสุขภาพที่ดี ซึ่งดูแล้วคุณแม่จ่ามีโรคความดัน เบาหวานและก็พาร์กินสันซึ่งดูแล้วยาก็ได้รับอย่างต่อเนื่อง โดยมีครอบครัวพาไปในช่วงเวลาหมอนัดได้อย่างต่อเนื่องซึ่งตรงนี้ก็ให้กำลังใจเขา

 

 

ทางด้านนางธิดา ซึ่งเป็นญาติของภรรยาจ่าจำปา กล่าวว่า เดิมจ่าและแม่จะพักอาศัยอยู่ที่ตัวเมืองตรัง แต่เห็นว่าระยะทางไกล และจ่าต้องเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานทุกวัน จึงย้ายมาอยู่บ้านเช่าในเขตเทศบาลตำบลห้วยยอด ซึ่งเดินทางไปทำงานได้สะดวก มาได้ประมาณ 2 ปี โดยตนเองจะช่วยจ่าและภรรยาจ่าดูแลแม่ให้ในตอนกลางวันที่ จ่าและภรรยาไปทำงาน ทั้งนี้ แม่จะติดลูกชายมาก ความจำอย่างอื่นจะจำอะไรไม่ได้ แต่จะจำได้เฉพาะเรื่องของลูกชายเท่านั้น จะคอยถามหาแต่จ่าว่ากลับจากทำงานเมื่อใด จนวันเกิดเหตุจนถึงขณะนี้ทุกคนก็ยังปกปิดว่าจ่าถูกลงโทษ ต้องบอกว่าจ่าไปทำงานติดภารกิจกลับบ้านไม่ได้  ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุทราบว่าจ่าไม่ได้บอกกับผู้ว่าฯ และนายอำเภอว่าเหตุใดจะต้องผ่านด่านนั้น เพราะปกติจ่าก็จะผ่านตรงนั้นทุกวันเป็นปกติ โดยจ่าอาจจะไม่ทราบว่าเป็นผู้ว่าฯ และนายอำเภอ หรืออาจจะต้องการแสดงหลักฐานขอผ่านด่านของตนเอง ที่ขอไปจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น  และก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรรุนแรงมากนัก จึงอยากขอความเป็นธรรมจากกองทัพด้วย เรื่องการลงโทษจ่าหนักเกินไป วันเกิดเหตุภรรยาจ่าโทรไปหาจ่า ว่าแม่ปวดท้องให้กลับมาบ้านพาแม่ไปหาหมอ เพราะปกติแม่จะไม่ไปไหนกับใครยกเว้นกับลูกชายคนเดียว (จ่าจำปา) จ่าซึ่งขอหนังสือจากผู้บังคับบัญชาใช้แสดงกับด่านในการเดินทางไปกลับที่ทำงานกับบ้าน แต่วันเกิดเหตุที่ตนเองน้อยใจคือ จ่าไม่ได้แจ้งกับผวจ.และนายอำเภอว่าต้องการไปหาแม่ที่ป่วย แต่ทางผวจ.และนายอำเภอไม่พยายามดูเอกสารที่จ่ายื่นให้เท่านั้น

 

ทางด้านนางกัญญาวรรณ โทธรรม ภรรยาจ่าจำปา กล่าวว่า ตนเองยังไม่ได้เจอจ่า  (สัมภาษณ์ก่อนจ่ามากับทหาร) เพราะว่าด่านยังไม่เปิดและไปไม่ได้ ซึ่งปกติถ้าจ่าไม่มีงานด่วนที่กองร้อยจะไปกลับ แต่ในช่วงนี้มีโควิด ทำให้เขาต้องตรวจคัดกรองที่หน่วยเขาก็เลยต้องพักที่ค่าย แต่วันนั้นพอดีแม่ปวดท้องก็เลยโทรไปบอก เขาเลยรีบมา ทั้งนี้ กรณีการลงโทษสามีตนมองว่าเรื่องที่ด่านถามว่ายอมรับไหมว่าเขาผิด แต่ผิดในการที่เขาชี้แจงตรงนั้น ตนเองคิดว่าโทษที่เขาได้รับตรงนี้มันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่   และเขาก็ยังไม่ได้ฝ่าด่านด้วยซ้ำไป ทั้งนี้ เขาแค่ยื่นหนังสือให้ผู้ว่าฯดูแต่เขาไม่ดู และไม่ได้อธิบายว่าจะหาแม่ที่ป่วย ซึ่งในคลิปก็ไม่ได้มีอะไรมาก เขาก็ไม่ได้ถืออภิสิทธิ์ว่าเป็นทหาร แค่แสดงหลักฐานว่าจะขอผ่านเท่านั้น เพราะเขาไปเขาไม่รู้ว่าเป็นด่านปิด ซึ่งเขาก็เคยผ่านด่านนั้นอยู่ และทางนั้นมันก็ใกล้ในเมื่อเขาบอกไม่ได้ผ่าน เขาก็เดินกลับ เหมือนในคลิป ดังนั้นในส่วนของการพิจารณาลงโทษเขาทางวินัย  ตนเองก็ไม่เห็นว่าจะใคร (กองทัพ) มาดูว่าแม่ป่วยจริงในวันนั้น ซึ่งมีการยื่นมีใบนัดหมอครบทุกอย่าง และให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ทั้งหมดคุณ (คนลงโทษ) ไม่ได้มาดูตรงนี้ เลยจึงคิดว่าคำตัดสินลงโทษ ตัดสินจากอะไร จึงขอตั้งคำถามนี้ไปถึงกองทัพ  ทั้งนี้ ขั้นตอนของการลงโทษ ตนเองในฐานะประชาชนไม่รู้เลยว่ามีขั้นตอนการปฏิบัติพิจารณาลงโทษแบบไหนอย่างไร  แต่ถ้าจะถามว่าการลงโทษรวดเร็วไปไหม ตนเองไม่รู้กระบวนการในตรงนั้นเลย ซึ่งความคิดของตนเองคือเขาผิดตรงไหนเขาอธิบาย เขาใช้กิริยาไม่ดีโอเค เขาใช้กิริยาไม่ดี แต่โทษของทหารถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ ????? แล้วภาระที่ตกอยู่ตรงนี้เขาเคยเห็นไหม เพราะว่าได้รับผลกระทบหลายๆอย่างแล้วถ้าถามว่าโอเคนะตอนนี้คือ กำลังยื่นมือเข้ามาช่วย ต้องขอบคุณก่อน จะยื่นมือเข้ามาช่วยตกเป็นจำเลยของสังคมมันรู้สึกอึดอัดมาก ในส่วนของทางกองทัพจะเข้ามาช่วยอย่างไรนั้นยังคุยกันอยู่ยังไม่เป็นที่แน่นอนแต่ทางกองทัพบอกว่าจะให้ความช่วยเหลือก็มีหัวหน้าที่ทำงานของจ่าเข้ามาเยี่ยมแม่ และตนเองยังสงสัยในกระบวนการสอบสวนอยากถามว่าสิ่งที่เขาเคยทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในหลายๆอย่าง แต่มาตัดสินด้วยเรื่องแค่นี้ถ้าจะพูดว่าต่างกรรมต่างวาระตนเองเข้าใจแต่ความดีที่ทำมาไม่มีเลยหรอกเหรอ ตอนนี้ตนเองก็รู้สึกหนักใจที่แม่ถามถึงจ่าตลอดเลย ตอนนี้ที่แกรู้คือ รู้ว่าเขาติดงานจะพยายามเลี่ยงไม่บอกให้แม่รู้ จำเป็นจะต้องปกปิดแม่ให้ดีที่สุด ห่วงความรู้สึกแม่

 

 

 

 

 

 

เปิดใจภรรยา \"จ่าจำปา\" ถามกองทัพทำไมลงโทษสามีหนัก

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว สุนิภา หนองตรุด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตรัง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ