ข่าว

ส่ง4มาตรการรับมือสังคม“ผู้สูงวัย”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ครม.คลอด 4 มาตรการรองรับสังคมสูงวัย ใช้ภาษีจูงใจเอกชนจ้างงานผู้สูงอายุ สร้างบ้านพักรองรับ พร้อมออกสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้นำบ้านมาจดจำนอง รวมทั้งออมภาคบังคับ


               นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 มีมติเห็นชอบมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ผู้สูงอายุมีงานทำ มีที่อยู่อาศัย และมีรายได้พอเลี้ยงชีพ ซึ่งหากไม่เตรียมมาตรการรองรับไว้อาจสร้างปัญหาต่อครอบครัว และอาจสร้างภาระให้ประเทศในเชิงงบประมาณ จากที่ปัจจุบันรัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อบำเหน็จบำนาญ เบี้ยยังชีพ เงินสมทบกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) รวมกันแล้วเป็นเงินกว่า 287,000 ล้านบาท แต่ในปี 2567 จะต้องมีการจัดสรรงบประมาณมากขึ้นถึง 698,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว

               ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2568 คาดว่าสัดส่วนของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 13-14 ล้านคนโดยครม.มีมติให้ดำเนินการใน 4 มาตรการ ประกอบด้วย 1.มาตรการจ้างงานผู้สูงอายุ 2.มาตรการสร้างที่พักสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) 3. มาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย(Reverse Mortgage) และ 4.มาตรการออมภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ

               สำหรับมาตรการจ้างงานผู้สูงอายุ เป็นการจูงใจให้นายจ้างนำเงินค่าจ้างผู้สูงอายุเกิน 60 ปี แต่ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท มาหักลดหย่อนภาษีได้สองเท่า สามารถใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 10% ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีลูกจ้างที่เป็นผู้สูงอายุราว 9.4 หมื่นคน จากมาตรการที่จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ราว 3,300 ล้านบาท และมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เปิดทางให้ผู้สูงอายุที่มีที่อยู่อาศัยของตนเองซึ่งปลอดภาระหนี้แล้ว สามารถยื่นขอสินเชื่อเพื่อเป็นรายได้นำมาเลี้ยงชีพได้จนเสียชีวิต หรืออายุสัญญาที่กำหนดเป็นช่วงเวลา โดยครอบคลุมถึงคู่ชีวิต

               ขณะที่มาตรการสร้างที่พักสำหรับผู้สูงอายุ จะเป็นการจัดที่อยู่อาศัย สถานพยาบาล สิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่จัดสันทนาการให้แก่ผู้สูงอายุ โดยจะมีทั้งรูปแบบการเช่าที่ราชพัสดุ 4 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีการก่อสร้างในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่ราชพัสดุ ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ (กคช.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), องค์กรชุมชน ในรูปแบบของบ้านประชารัฐ ซึ่งให้บุตรที่เลี้ยงดูบิดามารดาได้จองสิทธิ์เป็นลำดับแรกเช่นกัน

               ส่วนมาตรการออมภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีอยู่จำนวน 11.7 ล้านคน เป็นการช่วยให้มีรายได้ 50% ก่อนเกษียณ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานระดับกลาง โดยกำหนดให้กิจการขนาดใหญ่ที่มีแรงงาน 100 คนขึ้นไป, กิจการที่ได้รับสัมปทานของรัฐ, กิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน, กิจการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ, องค์กรมหาชน, หน่วยงานของรัฐที่ไม่ได้บังคับว่าด้วยกองทุน กบข. ให้เข้าเป็นสมาชิกของ กบช.โดยกำหนดเงื่อนไขให้นายจ้างและลูกจ้าง ส่งเงินตั้งแต่ 3% ของค่าจ้าง หรือไม่เกิน 1,800 บาท หรือนายจ้างและลูกจ้างส่งเงินเพิ่มได้ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง แต่กรณีลูกจ้างมีรายได้ไม่เกิน 1 หมื่นบาทที่มีอยู่ราว 50% จะให้นายจ้างเป็นคนส่งเงินฝ่ายเดียว

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ