Lifestyle

“ผักพื้นบ้าน” บำรุงสายตา เพิ่มประสิทธิภาพ การมองเห็น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมการแพทย์แผนไทยฯเปิดสรรพคุณ 3 ผักพื้นบ้าน หาง่าย วิตามินเอสูง ใช้บำรุงสายตา เพิ่มประสิทธิภาพใน การมองเห็น

      นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ด้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาสายตาและต้องการกระตุ้นให้ทุกคนเกิดการตื่นตัวกับ การรณรงค์ป้องกันและฟื้นฟูการตาบอด และมองเห็นเลือนลางซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก จึงได้จัดให้มี วันสายตาโลก” (World Sight Day) ขึ้น ให้เป็นวันพิเศษที่ถูกจัดขึ้นทุกในวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนตุลาคม ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 ตุลาคม 2560 จากสถิติรายงานโรคตาของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ พบว่า โรคทางตาที่พบมากขึ้นในสังคมไทย คืการติดเชื้อที่กระจกตาจากคอนแทคเลนส์และโรคคอมพิวเตอร์วิชั่ซินโดรม (Computer Vision Syndrome) ซึ่งมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อ

“ผักพื้นบ้าน” บำรุงสายตา เพิ่มประสิทธิภาพ การมองเห็น

      ผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับสาเหตุของการตาบอดและสายตาเลือนลางในประเทศไทยพบปัญหา 4 อันดับแรก คือ 1. โรคต้อกระจก 69.7% 2. โรคทางจอประสาทตา 13.2% 3. โรคต้อหิน 4% และ 4. ความผิดปกติทางสายตา 4% เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามินเอมีหน้าที่ช่วยในการมองเห็น การเจริญเติบโตของกระดูก การแบ่งตัวของเซลล์ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ซ่อมแซมผิวของตาและหลอดลม ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายยากขึ้น และยังกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาว ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

       นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า ในทำนองเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ก็จะมองข้ามวิตามินเอที่มีอยู่ในผัก ผลไม้ โดยเฉพาะผักพื้นบ้านของไทยที่หาง่ายมีสรรพคุณบำรุงสายตา เช่น ผักบุ้ง ซึ่งมีสารอาหาร หลายชนิด จุดเด่นของผักบุ้ง คือ มีวิตามินเอสูง การรับประทานผักบุ้งเป็นประจำจะลดอาการปวดดวงตา ลดอาการแสบตาที่เกิดจากการใช้ดวงตาหนักๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนตำลึง สมุนไพรริมรั้ว คู่ครัวไทย จุดเด่นของตำลึงอยู่ที่มีสรรพคุณในด้านการบำรุงสายตา ช่วยบำรุงสายตาถนอมสายตาให้มีสุขภาพดี ช่วยใการมองเห็นอีกด้วย ด้านฟักทอง นั้นเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงชนิดหนึ่ง เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ประชาชนสามารถซื้อหามาปรุงเป็นอาหารได้เองตามวิถีชีวิตปกติ

      "อยากให้ประชาชนตระหนักถึงสุขภาพตา หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน เกิน 25-30 นาที ต้องพักสายตาอย่างน้อย 1-5 นาที ควรดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ดวงตามีความชุ่มชื้น และพักผ่อนนอนหลับ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ประสาทตาได้พักการใช้งาน"นพ.เกียรติภูมิกล่าว 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ