
"กรมควบคุมโรค" ชี้ หากเป็น "ไข้หวัด" 3 วันไม่หาย เสี่ยงปอดปวม
"กรมควบคุมโรค" ย้ำเตือน ประชาชนที่ป่วยเป็น "ไข้หวัด" หากป่วย 3 วันแล้วไข้ยังไม่ลง พบแพทย์ด่วน เสี่ยงเป็นโรคปอดบวม
วันนี้ 14 กันยายน 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ฝนตกชุกต่อเนื่อง ประชาชนมีโอกาสป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะไข้หวัด ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดไม่รุนแรง เป็นได้ทุกวัย พบได้บ่อยในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง มีความชื้นในอากาศสูง บางแห่งประชาชนต้องลุยน้ำ ตัวเปียกชื้น จึงมีโอกาสป่วยจากโรคนี้สูงกว่าพื้นที่ปกติ ยิ่งหากน้ำท่วมขังนานหลายวัน ประชาชนจะมีแนวโน้มป่วยเป็นไข้หวัดมากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ขสมก." แจ้งพนักงานติดโควิด 4 ราย เปิดไทม์ไลน์ เช็กเลยสายไหนบ้าง
- เปิดไทม์ไลน์ พนง.ขสมก.หลังตัวเลข "โควิดวันนี้" พุ่ง 24 ราย เช็คเลยสายไหนบ้าง
- "โควิดวันนี้" เปิดข้อมูลผู้เสียชีวิต 136 ราย พบอายุน้อยสุดแค่ 14 ปี
- เช็คเลย ไฟเขียวร่างกฎกระทรวง ผลิต นำเข้า ส่งออก "กัญชา"มีเงื่อนไขอะไรบ้าง
- เช็คลิสต์ "5 จังหวัดแซนด์บ็อกซ์" เปิดรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น 1 ต.ค.นี้
นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า โดยทั่วไปไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่ไม่อันตราย เริ่มแรกมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำๆ ไอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเองหลังจากป่วยแล้วประมาณวันที่ 3 โดยไข้จะลดลง มักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ อาจไอต่อไปได้อีก 1-2 สัปดาห์ แต่หากยังไม่ดีขึ้นและมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้คือมีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบเร็ว น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีเหลืองอ่อนๆ เป็นสีเขียว ขอให้สงสัยว่าอาจมีโรคแทรกซ้อนที่ปอดที่สำคัญและเป็นอันตรายถึงชีวิตคือโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ (Pneumonia) ให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือสถานบริการธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้านโดยเร็ว เพื่อรับการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคปอดบวม ช่วงฤดูฝนปีนี้ ทั่วประเทศพบผู้ป่วย จำนวน 24,895 ราย เสียชีวิต 22 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ
ทางด้านแพทย์หญิงวรยา เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า โรคปอดบวมมีสาเหตุจากเชื้อหลายชนิด ทั้งไวรัส แบคทีเรีย หรือเกิดจากการสำลักสิ่งแปลกปลอมเข้าปอด แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดเป็นโรคแทรกซ้อนหลังจากป่วยเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่หรือเป็นโรคอื่นมาก่อน โรคนี้ติดต่อกันจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยเชื้อจะแพร่กระจายมาจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยโดยตรง หรือติดมากับสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย หากป่วยขอให้นอนพักผ่อนให้มากๆ หยุดทำงานหนัก งดการใช้ของร่วมกับคนอื่น หากมีไข้ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำธรรมดาเช็ดตัว หรือกินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดามากๆ เพื่อช่วยในการขับเสมหะได้ดีขึ้น อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
"การป้องกันการป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะเพิ่มการกินผักและผลไม้ให้มากขึ้น ซึ่งในผักและผลไม้จะมีวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคได้ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่แออัด ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ สวมใส่เสื้อผ้ารักษาความอบอุ่นให้ร่างกายเสมอ และสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อออกจากบ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422" แพทย์หญิงวรยากล่าว
ที่มา กรมควบคุมโรค