เด่นโซเชียล

ระวัง ลุยน้ำ-ย่ำโคลน มีแผลที่เท้าเสี่ยง"โรคเมลิออยด์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คร.เตือระวังโรคเมลิออยด์ 8 เดือนปีนี้ ป่วยแล้วกว่า 1,400 ราย เสียชีวิต1 ราย เชื้อสามารถเข้าทางผิวหนัง การหายใจและกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ เลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลน หากจำเป็นควรใส่รองเท้าบู๊ท

โรคเมลิออยด์หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่าโรคไข้ดิน เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวจะอยู่ในดินและในน้ำ เข้าสู่ร่างกายคนเราได้ 3 ทาง คือ ทางบาดแผลที่ผิวหนัง ,ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป ,สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าประณาม คนไม่เอา "วัคซีนไขว้" โง่ ห่วงนโยบายรัฐเอางบ-ชีวิตคน เป็นเดิมพัน

ช่วยด่วน คนแก่ติดเตียงติด"โควิด-19"  28 ราย ในศูนย์ดูแลฯหนองจอก ตายแล้ว 4 ราย

“ซิโนแวค” เป็นสูตรไขว้มีประสิทธิภาพWHO ยังใช้ ยันไม่มีส่วนต่างจัดซื้อ

 

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สำหรับโรคเมลิออยด์หรือโรคไข้ดิน หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะมีอาการเจ็บป่วย ในบางรายอาจนานเป็นปีขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของคน อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ บางรายพบอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย อาจติดเชื้อเฉพาะที่หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการไข้เป็นหลัก จึงทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องอาศัยการตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการเป็นหลัก เพื่อใช้ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษา 

 

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ส.ค. 64 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์ จำนวน 1,426 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน พบมากที่สุด คืออายุ 55-64 ปี รองลงมา คือ 45-54 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี ตามลำดับ พบในกลุ่มอาชีพเกษตรกรมากที่สุด พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากอันดับ 1 ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมา คือภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ คาดว่าในช่วงฤดูฝนนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์เพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุนี้กรมควบคุมโรคได้มอบหมายกองโรคติดต่อทั่วไป จัดทำคู่มือโรคเมลิออยด์ คู่มือนี้จะใช้เป็นแนวทางสำหรับแพทย์ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลใช้เป็นแนวทางในการตรวจหาเชื้อเมลิออยด์ ซึ่งจะทำให้แพทย์สามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ขณะนี้โรคเมลิออยด์มียาปฏิชีวนะรักษาหายขาด สามารถรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งผู้ป่วยต้องกินให้ครบชุด ใช้เวลาประมาณ 20 สัปดาห์

 ทางด้านแพทย์หญิงวรยา เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า โรคเมลิออยด์ ไม่มีวัคซีนป้องกัน สามารถป่วยซ้ำได้อีก ประชาชนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคนี้ มี 5 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งต้องสัมผัสกับดินและน้ำโดยตรง หรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อโรคนี้อยู่ในร่างกาย ,ผู้ที่มีบาดแผลที่เท้า  ,ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ,ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง และ คนสูบบุหรี่จัดหรือติดเหล้า  

สำหรับวิธีการป้องกันโรคดังกล่าวสามารถทำได้โดย ผู้ที่มีบาดแผลให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ ย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบู๊ท ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ และรีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ,หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท

ทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัส  ลมฝุ่นและการอยู่ท่ามกลางสายฝน ลดละเลิกการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ซึ่งจะทำให้สุขภาพดีขึ้นและมีภูมิต้านทานโรคดีขึ้น 

logoline