“บุญรักษ์”เผยชงแก้คำสั่งคสช.ผุด 2 บอร์ดบูรณาการศึกษา-บริหารบุคคล มีผู้ว่าฯประธาน และคืนอำนาจสพท.ลงนามแต่งตั้ง แต่กศจ.พิจารณา ด้าน ชร.ผอ.สพท.ชี้แนวทางทยอมรับได้
ตามที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เตรียมเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้แก้ไขคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่19 / 2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ข้อ 13 ที่ระบุให้อำนาจการบรรจุแต่งตั้งตามมาตรา 53 (3)และ(4) ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ให้แก่ศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.)จากเดิมที่เป็นอำนาจของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) เพื่อเป็นการปลดล็อกปัญหาทีทำให้เกิดความขัดแย้งในการทำงานนี้
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 60- ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า นพ.ธีระเกียรติ ได้มอบหมายให้ตนเองนฐานะกำกับดูแล สพท. นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.กำกับดูแล กศจ.ไปหารือร่วมกับเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) และคณะทำงานด้านกฎหมาย ได้ข้อสรุปว่าเพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงานด้านการศึกษาในพื้นที่อย่างแท้จริง จะเสนอให้มีคณะกรรมการในจังหวัด 2 ชุด คือ คณะกรรมการบูรณาการด้านการศึกษาของจังหวัด ซึ่งจะบูรณาการทุกภารกิจที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาสำหรับเด็กทุกสังกัด และคณะกรรมการด้านการบริหารงานบุคคลซึ่งจะให้ผอ.สพท.ทุกคนในจังหวัดร่วมเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นประธานของทั้ง2บอร์ดดังกล่าว
“ส่วนกรณีความขัดแย้งเรื่องอำนาจตามมาตรา 53 ในการเสนอแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.จะให้คืนอำนาจดังกล่าวให้ ผอ.สพท.และผอ.ร.ร.เป็นผู้ลงนามตามอำนาจหน้าที่ แต่การพิจารณาอนุมัติยังคงเป็นอำนาจของ กศจ. อย่างไรก็ตาม หาก สพท.เห็นว่า กศจ.อนุมัติในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ สพท.ก็มีสิทธิ์ไม่ลงนามได้ เป็นการคานอำนาจซึ่งกันและกัน เรียกว่าเป็นการใช้อำนาจคู่ เพราะฉะนั้นหากจะมีความเห็นที่แตกต่างก็จะต้องพูดคุยหารือกันในบอร์ดบริหารงานบุคคลให้ได้ข้อยุติก่อน เนื่องจากจะมีทั้ง2ฝ่ายร่วมเป็นกรรมการอยู่ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้การดำเนินการทุกอย่างรวดเร็วขึ้น”ดร.บุญรักษ์ กล่าว
ดร.บุญรักษ์ กล่าวต่อไปว่า การเสนอแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ครั้งนี้ เพราะ รมว.ศธ.ได้เก็บข้อมูลมาแล้ว ว่า1 ปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และมีอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ก็พบว่ามีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไข ไม่เฉพาะปัญหามาตรา 53 เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องอื่นอีก เช่นกรณี บอร์ด กศจ.ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานที่ผ่านมีหลายจังหวัดที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาในจังหวัดได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เนื่องจากมีบอร์ดใหญ่บอร์ดเดียวแต่ต้องดูแลทุกด้าน ทำให้ต้องเสนอแก้ปัญหาโดยการแยกเป็น 2 บอร์ด เพื่อให้เดินหน้าไปได้ คือ บอร์ดด้านการศึกษากับบอร์ดด้านบริหารงานบุคคล เพราะสิ่งที่เราคิด คือ เพื่อให้มีการพัฒนาไปกว่าเดิม และเพื่อให้งานเดินหน้าไปได้
“ที่ต้องใช้อำนาจคู่ในการบริหารงานบุคคลเพราะ สพฐ. มีคนจำนวนมาก ซึ่งเดิมเป็นอำนาจของ กศจ. ในการบรรจุแต่งตั้ง โยกย้าย ลงโทษ การพิจารณาเลื่อนเงินเดือน แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เพื่อความคล่องตัว รวดเร็ว ก็ให้เป็นอำนาจของ สพท. แต่เพื่อไม่ให้ผอ.สพท. ใช้อำนาจเดี่ยว จึงต้องให้ กศจ. เป็นผู้อนุมัติ เพื่อให้เกิดเป็นความเป็นธรรม และเป็นการคานอำนาจเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลให้สังคมยอมรับ
ด้าน นายธนชน มุทาพร ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย (ชร.ผอ.สพท.) กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดร่างแก้ไขคำสั่ง คสช.ฉบับของ ศธ.ก่อน ถ้าเป็นไปตามที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พูดจริง ก็เป็นสิ่งที่รับได้และ ชร.ผอ.สพท.จะชะลอการเคลื่อนไหวและชะลอการเสนอร่างแก้ไขฉบับของ ชร.ผอ.สพท.ต่อนายกรัฐมนตรี ออกไปก่อน เพราะการแยกบอร์ดออกเป็น 2 ชุด ก็ตรงกับที่เคยเสนอต่อ พล.ต.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว อดีตเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ สมัย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี แต่ครั้งนั้นข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการตอบรับ
“การแยกบอร์ดเป็น 2 ชุดดังกล่าวเป็นตามข้อเสนอจะช่วยให้งานบูรณาการการศึกษาเดินหน้าไปได้ ไม่ต้องมาติดหล่มกับงานบริหารบุคคล ดังนั้น การที่ ศธ.เสนอให้มี 2 บอร์ดดังกล่าว โดยที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานทั้ง 2 ชุด จึงเป็นสิ่งที่ผมรับได้และจะได้ช่วยป้องกันปัญหาทุจริตได้ ซึ่งผมเคยบอกว่าข้อดีของ กศจ.แต่ข้อเสีย คือล่าช้าเพราะติดขัดขั้นตอนที่ต้องผ่าน ศธจ. ขณะที่ของเดิมสมัยที่เป็นคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)เขตพื้นที่การศึกษา ข้อดีคือรวดเร็ว แต่ข้อเสีย มีปัญหาความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นกับบางเขตพื้นที่ฯ ซึ่งแนวทางของ ศธ.ครั้งนี้ เป็นสิ่งที่รับได้ เพราะเราขอแค่ไม่ผ่าน ศธจ.เพราะทำให้เรื่องล่าช้า”นายธนชน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่เหลือคงต้องไปดูรายละเอียดร่างแก้ไขของ ศธ. แต่ก็ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่าย ขณะที่เรื่องการบริหารงานบุคคล ก็ไม่ล่าช้า ฉะนั้นเมื่อออกมาแนวทางนี้ ก็ต้องยอมรับข้อเสนอของ ศธ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศธ.ตีความม.53อำนาจบรรจุแต่งตั้ง5ประเด็น
คนศึกษาฯล่า5หมื่นชื่อทวงคืนอำนาจบรรจุ
"พีรพงศ์ สุรเสน" จากร้อยเอ็ดสู่ ผอ.สพป. โคราช เขต 7
สยบลือ!!"บุญรักษ์"ยันไม่เคยคิดย้ายผอ.สพป.โคราช 7
เคลียร์อำนาจ สพท.-ศธจ.ลงตัวธันวานี้!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง