อ่าน “การเมืองไทย” หลังตัดสินคดี “ยิ่งลักษณ์”: 25 สิงหา แค่ซ้อมใหญ่!!? : โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ คมชัดลึกออนไลน์
ตอนนี้สายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศจับจ้องอยู่ที่วันที่ 25 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองนัดพิพากษาคดีอันเนื่องมาจากโครงการ “จำนำข้าว” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีอดีตนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทยเป็นจำเลย
นัยยะสำคัญของคดีนี้ ไม่ได้อยู่แค่ว่า “ยิ่งลักษณ์” จะผิดหรือไม่ จะต้องโดนติดคุกหรือไม่ แต่มันหมายถึงทิศทางการเมืองหลังจากนั้นด้วย
ความจริงวันที่ 25 ไม่ได้มีเฉพาะคดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ยังมีอีกคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ คดีทุจริตในการระบายข้าวแบบจีทูจีจากโครงการจำนำข้าวนี้ โดยจำเลยประกอบไปด้วยนักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน รวมทั้งหมด 28 คน จำเลยคนสำคัญคือ“บุญทรง เตริยาภิรมย์”อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สมัยนั้น และ “ภูมิ สาระผล” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
แต่ด้วยความที่คดีระบายข้าวของนายบุญทรง มีจำเลยมากถึง 28 คน ทำให้คาดการณ์กันว่าอาจมีจำเลยคนใดคนหนึ่งมาศาลไม่ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าศาลอาจเลื่อนอ่านคำพิพากษาในคดีนายบุญทรงและพวกออกไปอีก 30 วัน
มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า หากศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีนายบุญทรงออกไป ก็อาจจะเลื่อนคดี “ยิ่งลักษณ์” ออกไปด้วยหรือไม่ เพราะศาลบอกแล้วว่า 2 คดีนี้มีความเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันเดียวกัน แต่ก็มีบางคนบอกว่าไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะคงแปลกๆถ้าศาลจะเลื่อนคดี “ยิ่งลักษณ์” ออกไป โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากอีกคดีถูกเลื่อน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
หากดูในเนื้อหาคำฟ้อง ก็จะเห็นว่าทั้งสองคดีนี้แตกต่างกัน คดีของนายบุญทรง เป็นคดีทุจริต ซึ่งสามารถพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงในคดีได้ชัดๆ ส่วนคดีของ “ยิ่งลักษณ์” เธอไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าทุจริต แต่เป็นเรื่อง “นโยบาย” ซึ่งมีการมองว่ามุมการพิจารณาของศาลในคดียิ่งลักษณ์อาจมีเรื่อง “รัฐศาสตร์” ผสมด้วย และเริ่มมีการพูดถึง “ตุลาการภิวัฒน์”
3 แนวทาง คำพิพากษา
กลับมาดูที่แนวทางคำพิพากษาที่จะออกมา ไม่ว่าศาลจะมีรายละเอียดคำพิพากษาออกมาอย่างไร แต่ผลก็น่าจะอยู่แค่3แนวทางนี้ ได้แก่ 1.ยกฟ้อง คือ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ผิด 2. “ยิ่งลักษณ์” ผิด และโดนสั่งจำคุกทันที 3.“ยิ่งลักษณ์” ผิด แต่ไม่โดนติดคุก ซึ่งอาจจะหมายถึงการรอลงอาญา หรือ รอกำหนดโทษ
อย่างที่บอก คำตัดสินคดีนี้ ไม่ได้หมายความแค่ “ยิ่งลักษณ์” ผิดหรือไม่ผิด ติดคุกหรือไม่ติดคุกเท่านั้น แต่มันหมายถึงทิศทางการเมืองของไทยหลังจากนั้นด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูว่า หากศาลตัดสินออกมาแนวทางใด จะส่งผลอย่างไร
ทางแรก ศาลยกฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” ไม่มีความผิด แน่นอน “กองเชียร์” อดีตนายกฯหญิง เฮ!!
แต่คงไม่จบแค่เฮแน่ ฝ่ายยิ่งลักษณ์ คงออกมาบอกและตอกย้ำว่าคำตัดสินของศาลพิสูจน์ให้เห็นว่าที่ผ่านมาเธอโดนกลั่นแกล้งมาตลอด รวมถึงการที่เธอต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่งโดย ต้องถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีเพราะคดีจำนำข้าว ซึ่งฝ่ายยิ่งลักษณ์ เตรียมเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอแล้วหากศาลยกฟ้อง
อีกส่วน คือคดีที่รัฐบาลใช้มาตรการทางปกครองออกคำสั่งให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน ซึ่งเธอยื่นศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งนี้อยู่ หากศาลฎีกายกฟ้องเธอ น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญในการพิจารณาของศาลปกครอง ซึ่งแน่นอนในมุมของคนธรรมดาทั่วไปมองว่าเมื่อศาลยกฟ้องในคดีอาญา เธอก็น่าจะไม่ต้องไปรับผิดชอบในส่วนค่าเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ในมุมของนักกฏหมายบอกว่า หากศาลฎีกายกฟ้อง ก็ไม่ได้หมายความว่ายิ่งลักษณ์จะรอดจากคำสั่งปกครองที่ให้ชดใช้ค่าเสียหายโดยอัตโนมัติ แต่ต้องมาดูรายละเอียดคำพิพากษาอีกทีว่ายกฟ้องเพราะอะไร ยกฟ้องเพราะไม่ผิดโดยสิ้นเชิง หรือยกฟ้องเพราะแค่ไม่มีเจตนาในการทำให้เกิดความเสียหาย หากเป็นกรณีหลังยังต้องมาดูเรื่องประมาทเลินเล่อหรือไม่
ที่แน่นอนอีกอย่าง ผลที่จะตามมา หากศาลตัดสินแนวทางแรก คือ นโยบายประชานิยมของฝั่งเพื่อไทยคงจะกลับมาเป็นจุดขายอีกครั้ง
แล้วฝ่ายตรงข้ามล่ะ จะรับได้หรือ จะมีความเคลื่อนไหวใดหรือไม่?
“แหล่งข่าววงใน” ของขั้วตรงข้าม “ยิ่งลักษณ์” บอกว่า อาจมีปฏิกิริยาออกมาบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นเคลื่อนมวลชนแน่นอน
แต่แนวทางนี้ “อัยการ” คงต้องยื่นอุทธรณ์
แนวที่สอง “ยิ่งลักษณ์" ผิด และโดนสั่งจำคุก
หากเป็นทางนี้มีการมองว่า สถานการณ์เผชิญหน้าอย่างรุนแรงชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน จะกลับมาอีกครั้งแน่ๆ ทำบนดินไม่ได้ ก็ลงใต้ดิน ซึ่งหมายถึงจบเรื่องการสร้างความปรองดอง
และจะยิ่งไปเพิ่มน้ำหนักให้การเรียกค่าเสียหายในโครงการจำนำข้าวจากยิ่งลักษณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่ “การยึดทรัพย์”
ผลอีกอย่างที่จะตามมา คือ การดำเนินนโยบายของรัฐบาลในอนาคต อาจทำให้ไม่กล้าทำนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร หรือนโยบายประชานิยมกันอีก รวมถึงอาจจะมีการฟ้องร้องให้ดำเนินคดีกับรัฐบาลในอดีตที่ทำโครงการเหล่านี้
แน่นอน “ยิ่งลักษณ์” ยื่นอุทธรณ์แน่ นอกเหนือจากนั้นคือการตอกย้ำเรื่องการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ที่ “ผู้หญิง” คนหนึ่งต้องเผชิญ
ทางที่สาม “ยิ่งลักษณ์” ผิด แต่ยังไม่ถูกติดคุก โดยศาลอาจจะสั่งให้รอลงอาญา หรือ รอกำหนดโทษ
แนวทางนี้คนเสื้อแดงก็คงจะพอรับได้ แต่ยิ่งลักษณ์ยังต้องเผชิญคดีทางปกครองที่อาจจะนำไปสู่การ “ยึดทรัพย์”
อีกอย่าง คือ จะมีปัญหาเรื่องการทำตาม “นโยบาย” ของรัฐบาลทั้งในอดีตและอนาคต เช่นเดียวกับแนวทางที่สอง
แต่ “คอการเมือง” มองว่า หากออกทางนี้จริงจะสวยที่สุด เพราะไม่สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง เหมือน2 แนวทางแรก และน่าจะเป็นประโยชน์กับการสร้างความปรองดองในชาติ
อย่างไรก็ตาม หากออกทางนี้ “ยิ่งลักษณ์” ก็คงต้องยื่นอุทธรณ์อยู่ดี
ฉะนั้น หากวันที่ 25 สิงหาคม มีคำพิพากษาออกมา ไม่ว่าจะทางใด สถานการณ์ก็จะ “ยังไม่สะเด็ดน้ำ” เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์แน่ แต่คำตัดสินสุดท้ายก็จะไม่หนีไปจาก 3 แนวทางนี้
เรียกได้ว่าวันที่ 25 นี้ แค่ “ซ้อมใหญ่” แต่ “ของจริง” ต้องรออีกรอบ ซึ่งอาจจะเป็นปีหน้า...ก่อนเลือกตั้ง (ถ้ามี!)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีนี้เป็น “คดีการเมือง” ผลของมันจึงย่อมส่งผลต่อการเมือง!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง