คอลัมนิสต์

รถไฟฟ้าสายฝัน(สลาย?)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รถไฟฟ้าสายฝัน(สลาย?) : กระดานความคิด โดยคนที วิถีไทย

           ตอนที่โครงสร้างยกระดับรถไฟฟ้าสายสีม่วงลุล่วงไปได้มากกว่าครึ่งแล้วนั้น ชาวตลาดบางบัวทองและตลาดสมบัติบุรี ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากตรงปลายของทางวิ่งสุดสายสถานีบางไผ่ ซึ่งมีศูนย์ซ่อมบำรุงอยู่ด้วยจะเรียกว่าต้นทางหรือปลายทางก็ได้ เพราะถึงอย่างไรก็วิ่งกลับไปกลับมากับสถานีเตาปูนอยู่แล้วร้องขอให้เจ้าของโครงการขยายต่อมาอีกสัก 1 สถานี เพื่อรองรับผู้คนจากอีกหลายชุมชนนับร้อยหมู่บ้านแถบนั้น แต่เสียงเรียกร้องนั้นก็ไม่ดังมากพอจะคัดง้างให้แผนการลงทุนถูกปรับเปลี่ยน

           ตอนที่โครงสร้างยกระดับเพิ่งเริ่มตอกเสาเข็มนั้น บริเวณที่เป็นเซ็นทรัล เวสต์เก็ต ยังเป็นป่าปรือรกเรื้ออันอุดมด้วยสัตว์เลื้อยคลาน แต่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์แห่งนี้ก็เปิดให้บริการรับกำลังซื้อจากผู้คนภาคตะวันตกได้ก่อนรถไฟฟ้าขบวนแรกจะทดลองวิ่งนานหลายเดือน

           และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง ทางด่วนเชื่อมระหว่างวงแหวนตะวันตก แถวๆ แยกฉิมพลีก็ถูกสร้างตามมา จนดูเสมือนว่า คนเดินทางจากอีกฟากแม่น้ำเจ้าพระยาจะได้รับความสะดวกสบายกันมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นทางเลือกใหม่ที่สามารถเลี่ยงการจราจรติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าเย็น

           แต่ถึงอย่างไร ระบบขนส่งมวลชนที่เกิดขึ้นใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกก็ต้องแลกด้วยอัตราค่าโดยสารอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยง นั่นย่อมหมายถึงต้นทุนของการเดินทางของทุกๆ คน นอกเหนือจากเรื่องความสะดวกสบายที่ซื้อหามาในเวลาเดียวกันนั้นว่า มันคุ้มค่าหรือไม่ นั่นคือข้อเปรียบเทียบกับการเดินทางในรูปแบบเดิม จะคุ้มหรือสะดวกจริงหรือไม่ ในเบื้องต้น สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้สะท้อนผ่านผลประกอบการในห้วงเดือนแรกออกมาแล้ว

           มีเสียงพูดกันว่า ตัวเลขผู้โดยสารเฉลี่ยวันละเพียง 2 หมื่นคน จากที่ตั้งเป้าในระยะเริ่มแรกเอาไว้ที่ 7.3 หมื่นคน ส่งผลให้รถไฟฟ้าสายใหม่ล่าสุดนี้ขาดทุนทันทีวันละ 3 ล้านบาท หลังเอารายได้ที่เก็บในแต่ละวันไปหักออกแล้ว

           มีเสียงพูดกันต่างๆ นานา ถึงสาเหตุที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงไม่อาจตอบโจทย์คนเดินทางได้ ก็เพราะว่าไม่สนองตอบต่อชาวชุมชนที่เส้นทางพาดผ่านจำนวนมากมาย ราคาค่าโดยสารค่อนข้างแพง แถมสถานีเตาปูนซึ่งเป็นเป้าหมายใกล้กลางมหานครมากที่สุดกลับไม่ต่อเชื่อมกับระบบขนส่งมวลชนใดๆ เลย นอกจากรถปรับอากาศ ขสมก. และรถดีเซลรางสถานีีบางซ่อนที่จะฉึกฉักๆ ไปส่งคนต่อที่บางซื่อ ทุลักทุเลผิดฝาผิดตัวกับการขนส่งทันสมัย

           เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนี้ คนที่จะได้รับความสะดวกที่สุดคงเห็นจะเป็นบรรดาข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์ราชการนนทบุรี ผู้มีภูมิลำเนาอยู่แถวนั้นมาแต่เดิม กับแม่ค้าแม่ขายที่มีเป้าหมายอยู่ย่านทำมาหาเลี้ยงชีพไม่เกินระยะ 23 กิโลเมตร เช่นขายข้าวแกงเตาปูนกับขายผักตลาดบางใหญ่

           กล่าวสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เคยฝากฝันแสนหวานเอาไว้กับรถไฟฟ้าสายนี้ว่าจะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างทันตา เพราะไม่ต้องตกระกำลำบากอยู่บนความแออัดของถนนวงแหวนตะวันตก รัตนาธิเบศร์ งามวงศ์วาน ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ และทางด่วน ก็ต้องกลับมานั่งคิดคำนวณเวลาการเดินทาง และเงินที่ต้องหมดไปกับค่าโดยสาร สารพัดระบบขนส่งเสียใหม่

           คิดคำนวณกันง่ายๆ เงินก้อนแรกที่ต้องจ่ายเพื่อพาตัวเองไปถึงสถานีเริ่มเดินทาง อย่างน้อยก็น่าจะหลายสิบ นับตั้งแต่ค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างพาออกไปปากซอยของหมู่บ้าน ราคามาตรฐานอย่างต่ำๆ ก็ 10 บาทกันหมดแล้ว ตามด้วยค่ารถโดยสารประจำทาง 8-9-13 บาท หรืออาจจะมากกว่า

           ลำพังค่าตั๋วรถไฟฟ้าสายสีม่วง 42 บาท กับช่วงระยะทาง 23 กิโลเมตร ไม่ถือว่าแพงมากมายอะไร แต่ถ้าต้องมาบวกเพิ่มกับการต่อสายสีน้ำเงินที่มุดลงดินที่สถานีบางซื่อ หรือถ่อไปถึงสถานีบีทีเอส จตุจักร เพื่อให้ไปถึงที่ทำงานให้ได้ภายในเวลารวมๆ แล้วไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็ต้องจ่ายไม่น้อยกว่าที่จ่ายไปก่อนหน้า เชื่อเถอะว่า แต่ละคนที่เลือกเดินทางด้วยวิธีนี้ต้องมีเงินในกระเป๋าเตรียมไว้ทั้งไปและกลับไม่น้อยกว่า 300 บาท กับเวลาที่อาจจะยาวนานมากกว่าที่เคยนั่งรถตู้หรือรถเมล์ประจำทาง

           แบบนี้ นั่งเล่นๆ ในวันหยุด เพื่อทดลองของใหม่ ก็คงไม่กระไร แต่ถ้าจะให้เลือกเป็นวิถีแห่งการเดินทาง คงไม่มีใครเลือก ด้วยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไม่น้อยหรืออาจจะมากกว่า ค่าเดินทางด้วยวิธีเดิมๆ แล้ว เวลาที่สูญเสียไปกับการต่อรถหลายทอดจนตั๋วเต็มกระเป๋าก็เหนือคาดการณ์ เพราะมีเงื่อนไขตัวแปรอันยากกับการควบคุม

           กระนั้นก็ตาม แต่จะเป็นเรื่องมหาหินแสนเข็ญอย่างไร รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนก็ยังเป็นระบบเดียวที่มีอยู่ที่สามารถตอบสนองวิถีชีวิต และการเดินทางได้ในยุคที่สังคมไขว่คว้าหาพลังงานสะอาด สะดวกสบาย และประหยัด

           ฝันของคนชานเมืองที่จะได้ใช้บริการขนส่งสาธารณะนั้น ไม่ได้มลายหายไปพร้อมกับตัวเลขผลประกอบการขาดทุนวันละ 3 ล้าน

           ปัญหามากมายหลายเรื่อง หลายคนหลายเสียงรวบรวมมานำเสนอกันอย่างรอบด้านแล้ว ที่เหลือก็รอฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

           หลายๆ คนคงอยากให้ถึงมือนายกรัฐมนตรี ที่ในวันนี้บ่นออกมาดังๆว่า ทำงานตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ