ข่าว

(หน้า 1 ลงหน้า 3) รายงาน : หักปากกาเซียน-ปชป.ตั้งรัฐบาล "สีเขียว"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

(หน้า 1 ลงหน้า 3) รายงาน : หักปากกาเซียน-ปชป.ตั้งรัฐบาล "สีเขียว" ในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถพลิกขั้วการเมือง ประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยการผนึกกำลังกับกลุ่มพรรคชาติไทย กลุ่มพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อแผ่นดิน รวมใจไทยชาติพัฒนา และกลุ่มเพื่อนเนวิน จนทำให้เกมการพลิกขั้วครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์สามารถโชว์พลังดูดได้ร่วม 260 เสียง ขณะที่ขั้วพรรคเพื่อไทย กับ ประชาราช มีเพียง 187 จึงถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ทั้งหมดในขณะนี้ คือ 447 เสียง เป็นประเด็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะการจับพลิกขั้วการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ต้องยอมรับเป็นการหักปากกาเซียนที่ออกมาฟันตรงกันว่าโอกาสของค่ายสะตอเป็นเพียงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าได้แรงหนุนจาก "สีเขียว" เป็นอย่างดี โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่เกมบีบพรรคชาติไทยให้เปลี่ยนขั้วทางการเมืองก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยยุบพรรค นั่นเพราะพรรคปลาไหลเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนขั้ว แต่ บรรหาร ศิลปอาชา เกิดอาการแข็งข้อ จึงต้องถูกยุบพรรคในที่สุด ดังนั้นเมื่อสิ้นตระกูลปลาไหลเติ้ง พรรคชาติไทย จึงขาดกำลังสำคัญและอำนาจต่อรองการเมือง เกมจึงตกอยู่ในอุ้งมือของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค เจ้าของฉายามือประสานสิบทิศ เมื่ออำนาจการตัดสินใจของชาติไทยทั้งหมดตกอยู่มือของ "เสธ.หนั่น" จึงเป็นเรื่องง่ายในการต่อรอง จับขั้วประชาธิปัตย์ แม้ว่า "เสธ.หนั่น" จะเคยเกิดอาการบาดหมางกับพรรคประชาธิปัตย์มาก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายเมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน ย่อมทำให้ เสธ.หนั่น ตัดสินใจง่ายขึ้น เนื่องจากได้รับบทเรียนจากการออกไปตั้งพรรคมหาชน จนทำให้อดอยากปากแห้งมานาน จึงต้องตัดสินใจเข้ามาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ สัญญาณที่ถูกส่งออกมาก่อนหน้านี้ก็เป็นที่รู้กันดีว่า ฝ่าย "เสธ.หนั่น" เป็นคนประกาศทอดสะพานจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนแรก จากนั้นได้ส่งคนสนิท อัศวิน วิภูศิริ ส.ส.สัดส่วน อดีตพรรคชาติไทย และกระเป๋าตังค์ของ เสธ.หนั่น เมื่อครั้งอยู่พรรคมหาชน เดินทางมาหารือกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ถึงการจับมือทางการเมือง อย่างไรก็ดี เกมการพลิกขั้วการเมืองครั้งนี้ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ "เสธ.หนั่น" เพราะก่อนที่จะตัดสินใจ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้โทรศัพท์มายังบ้านสนามบินน้ำ เพื่อยื่นเงื่อนไขว่า ส.ส.ทั้งหมดพร้อมที่จะยกมือโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ "พล.ต.สนั่น" ปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าหากขึ้นเก้าอี้นายกฯ คนต่อไป คงไม่สามารถที่จะประคับประคองบ้านเมืองให้อยู่รอดได้ สู้ยอมมารับเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบด้านความมั่นคงตามเงื่อนไขของประชาธิปัตย์ดีกว่า !!! เมื่อ "เสธ.หนั่น" ตอบตกลงรับเงื่อนไขกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นเรื่องง่ายในการดึงพรรคการเมืองอื่นเข้ามาร่วมรัฐบาล นั่นเพราะมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ศิษย์เอกบ้านสนามบินน้ำ และนี่จึงเป็นตัวเร่งให้ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ตัดสินใจเร็วขึ้น เพราะทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ก็ต่อสายถึง เนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินทันที แต่นาทีนั้น กลุ่มเพื่อนเนวินยื่นเงื่อนไขที่ "สุเทพ" ไม่อาจรับได้ เพราะดันเสนอให้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ทำให้หนทางการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์แทบบอดสนิท เพราะ "สุเทพ" รู้ดีว่า "นายหัวชวน" ไม่ยอมรับข้อเสนอของกลุ่มเพื่อนเนวินเป็นอัดขาด คนอย่าง "ชวน" ไม่กล้าฆ่าทายาททางการเมืองที่ปลูกปั้นมากับมืออย่าง "อภิสิทธิ์" เป็นเด็ดขาด ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ชู "หนุ่มมาร์ค" เป็นจุดขายมาโดยตลอด แต่หลังจากที่กลุ่มเนวินกว่า 37 นำทีมโดย บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา อดีตพรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงท่าทีและจุดยืนของกลุ่ม โดยอ้างใช้เอกสิทธิ์ของ ส.ส.ในสภาด้วยการขอสงวนสิทธิ์ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 6 ธันวาคม "สุเทพ" ได้นัดหารือกับ "เนวิน" อีกครั้งถึงแนวทางการทำงาน โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นข้อเสนอ ยืนยันว่าจะเสนอ "อภิสิทธิ์" ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ใน ครม.ให้เป็นหน้าที่ของพรรคร่วมในการไปจัดสรรตำแหน่ง ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์ขอเป็นคนคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาเป็น "ครม.ด้านเศรษฐกิจ" โดยจะดึงคนนอกเข้ามาร่วมเป็น ครม. ส่วนคนในพรรคจะให้เป็นรัฐมนตรีช่วย เพื่อกู้วิกฤติของประเทศชาติให้กลับคืนมาโดยเร็ว นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังได้ยื่นข้อเสนอคัดสรรบุคคลที่จะมาเป็น รมว.กลาโหม โดยพรรควางตัวไว้ 2 คน คือ พล.อ.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน ของพรรคที่ได้ประกาสลาออกไปก่อนหน้านี้ หรือ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตเลขานุการ คมช. บิดาของ "สกลธี ภัททิยกุล" ส.ส.กทม. โดย พล.อ.วินัย เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากทหารเป็นอย่าง ส่วนที่เหลือให้ไปจัดสรรกันเอาเอง โดย "สุเทพ" ยอมรับเงื่อนไข เก้าอี้ รมต. 5 ต่อ 1 ของกลุ่มเพื่อนเนวินด้วย เบื้องต้นน่าจะเป็นเก้าอี้เดิมที่กลุ่มเพื่อนเนวินได้จับจองอยู่เวลานี้ เมื่อทุกอย่างลงตัว ทั้งสองฝ่ายจึงยอมรับเงื่อนไขได้ด้วยดี จากนั้นจึงหันมาจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ในสุด ก่อนที่จะแจ้งให้ "บรรหาร" ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงบ่ายเดียวกัน พร้อมกับไฟเขียวให้ ส.ส.ในสังกัดพรรคชาติไทย เดินตาม "เสธ.หนั่น" ในการจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่ากันว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" กล้าหักหลัง "นายใหญ่" ครั้งนี้นั้น เป็นเพราะกระเป๋าไม่ได้หนักอย่างที่คิด แม้ว่าล่าสุด คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จะกลับมาบัญชาการด้วยตนเอง แต่กระเป๋ากลับเบาหวิว จึงทำให้กลุ่มเพื่อนเนวินตัดสินใจเร็วขึ้น เหตุเพราะ "นายใหญ่" ถูกอังกฤษอายัดทรัพย์กว่า 1.4 แสนล้านบาท รวมทั้งในประเทศไทยอีก 7.3 หมื่นล้านบาท อีกทั้งหาก "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองไม่จบแน่ ที่สำคัญกลุ่มการเมืองทั้งหมดไม่อาจที่จะทนแรงกดดันของ "ทหาร" ได้อีกต่อไป เพราะหากยังคงกอดคอกันตั้งรัฐบาลต่อไป ก็ไม่ต่างจากการกอดคอกันตาย สุดท้ายจึงจำต้องตัดสินใจเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในสุด เพื่อปากท้องของกลุ่มต่างๆ ในการเตรียมกระสุนดินดำ เพื่อผลักดันสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ ก่อนที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งในอนาคตต่อไป การเมืองไทยซะอย่าง อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เมื่อผลประโยชน์ลงตัว !!!
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ