เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับลีกฟุตบอลที่มีแฟนบอลติดตามมากที่สุดในโลก อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ที่การขับเคี่ยวตำแหน่งแชมป์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี และลิเวอร์พูล ยังดำเนินต่อไปด้วยช่องห่างคะแนนเพียง 1 แต้ม ขณะที่เหลือการแข่งขันเพียง 7 นัดเท่านั้น
เช่นเดียวกับการชิงโควต้าไปเล่นในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า ที่เบียดกันอยู่ 4 ทีม ระหว่าง ทอตแนม ฮอทสเปอร์, อาร์เซนอล, แมนเสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี รวมถึงการหนีตกชั้นที่ต้องลุ้นกันอย่างดุเดือดแน่นอน
ถึงกระนั้นในช่วงท้ายซีซั่นของฟุตบอลลีกสูงสุด ก็จะมีธรรมเนียมที่ทำกันมาถึง 45 ปีนับตั้งแต่ซีซั่น 1973–74 แล้ว นั่นก็คือ การมอบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ที่มีธรรมเนียมสืบทอดกันมาตั้งแต่ซีซั่น 1973–74 หรือ 46 ปี ก่อน
โดยรางวัลดังกล่าวจะมอบให้กับแข้งที่ทำผลงานได้ดีที่สุดประจำปี ผ่านการโหวตของเพื่อนร่วมอาชีพ ที่มีสิทธิ์จะโหวตให้รักเตะคนใดก็ได้ยกเว้นตัวเอง และเพื่อนร่วมสังกัด ซึ่งเมื่อปีที่แล้วผู้ที่ซิวรางวัลไปครอง คือ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กองหน้า ลิเวอร์พูล หลังกดไป 41 ประตูจาก 46 เกมให้กับสโมสรในฤดูกาลแรก
ขณะที่ในปีนี้ก็มีผู้เล่นหลายคนซึ่งทำโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น จนมีมีสิทธิ์คว้ารางวัลอันทรงเกียรติประจำปี 2019 นี้ไปครอบครองจากการวิเคราะห์ของสื่อต่างประเทศ
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)
เชื่อว่าตอนที่ ลิเวอร์พูล ประกาศเซ็นสัญญากับกองหลังทีมชาติฮอลแลนด์รายนี้มาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ราว 3.03 พันล้านบาท) ซึ่งถือเป็นสถิติโลกในตำแหน่งกองหลัง เมื่อช่วงตลาดหน้าหนาวปีที่แล้ว “หงส์แดง” ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า เพราะเจ้าตัวอยู่กับทีมเล็ก และไม่ได้มีถ้วยรางวัลมาการันตีฝีเท้าแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเจ้าตัวได้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องเกมรับของทีมดังแห่งถิ่นแอนฟิลด์ได้แบบหมดจด พร้อมมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมเข้าชิงในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ทันทีในซีซั่นแรกที่ลงเล่นให้กับทีมใหม่ จนได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม
ต่อเนื่องมาในฤดูกาลนี้ที่ดาวเตะวัย 27 ปี ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยกระดับกองหลังขิง ลิเวอร์พูล ขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง โดยไม่ว่าเจ้าตัวจะยืนเซ็นเตอร์ฮาลฟ์คู่กับใครเขาก็สามารถรักษามาตรฐานของตัวเองได้แบบสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสกัดบอล, การป้องกันลูกกลางอากาศ รวมถึงการเติมเกมรุกในเวลาที่ทีมได้ลูกนิ่งจนส่งผลให้ซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล เสียไปเพียง 19 ประตู จากการลงสนาม 32 นัด ซึ่งน้อยที่สุดในลีก
ทำให้ปัจจุบัน ฟาน ไดค์ ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก และคุ้มกับค่าตัวที่ เจอร์เกน คลอปป์ ยอมจ่ายไปทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งด้วยผลงานทั้งหมดเป็นเหตุให้ “อ็อดเชคเกอร์” บริษัทรับพนันถูกกฎหมายของอังกฤษได้ออกอัตราต่อรองยกให้เจ้าตัว คือตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลดังกล่าวไปครอง
เซร์คิโอ อเกวโร (แมนเชสเตอร์ ซิตี)
สำหรับหัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินา ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในปัจจุบัน หลังย้ายมาอยู่ในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อปี 2011 ด้วยการยิงไปแล้ว 161 ประตูจากการลงสนาม 8 ฤดูกาลในลีก พร้อมยิงทะลุไปแล้ว 200 ประตูจากการลงสนามในทุกรายการให้กับ “เรือใบสีฟ้า” จนกลายเป็นดาวยิงตลอดกาลของสโมสร
โดยถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะมีอายุ 30 ปีแล้ว แต่ร่างกาย และฝีเท้าของเขาไม่มีทีท่าว่าจะตกลงไปแต่อย่างใด โดยเฉพาะจังหวะจบสกอร์ที่มีความเฉียบคมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการยิงได้ทั้ง 2 เท้า รวมไปถึงการโหม่งปิดสกอร์ ทั้งๆที่เขามีส่วนสูงเพียง 170 เซ็นติเมตร
เช่นเดียวกับในฤดูกาลนี้ที่ “เอล กุน” ยังเป็นศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของทีม โดยกดไปแล้ว 19 ประตูจากการลงสนาม 28 นัด นำดาวซัลโวของลีกขณะนี้ และหนึ่งในนั้นมีประตูสำคัญที่ช่วยยิงประตูขึ้นนำให้ทีม ก่อนเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมช่วยให้โมเมนตัมการลุ้นแชมป์กลับมากลายเป็นพวกเขาได้เปรียบหลังจากเคยตามอยู่กว่า 7 คะแนน
ราฮีม สเตอร์ลิง (แมนเชสเตอร์ ซิตี)
ถือว่าเป็นนักเตะที่มีพัฒนาการอย่างยอดเยี่ยมสำหรับปีกทีมชาติอังกฤษรายนี้ เพราะนับตั้งแต่เจ้าตัวย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี จาก ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2015
โดยสมัยอยู่กับ “หงส์แดง” ดาวเตะวัย 24 ปี มีทัศนคติในการเล่นฟุตบอลไม่ค่อยดีนัก เหตุชอบพาบอลไปเอง และไม่ค่อยประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ทว่าภายใต้การขัดเกลาของ เปป กวาร์ดิโอลา ทำให้สไตล์การเล่นของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งการใช้ความเร็วของตัวเองอย่างมีประโยชน์ด้วยการเลี้ยงหาพื้นที่ก่อนจะจ่ายบอลให้เพื่อนเพื่อสร้างสรรค์โอกาสในการทำเกมรุก รวมถึงปรับปรุงเรื่องจังหวะการจบสกอร์ให้มีความเฉียบคมมากขึ้น
เป็นเหตุให้ในช่วง 2-3 ซีซั่นที่ผ่านมา สเตอร์ลิง ขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในแผงเกมรุกของทีมได้แบบเต็มตัว และเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่ กวาร์ดิโอลา มักจะส่งลงสนามก่อนแข้งแนวรุกระดับซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ
ขณะที่ในฤดูกาลนี้เจ้าของเสื้อเบอร์ 7 แห่งถิ่น อิติฮัด สเตเดี้ยม ก็ยังโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ หลังทำไปแล้วถึง 15 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับปีอื่นๆ โดยมีเพียงซีซั่นที่แล้วซึ่งเขาทำได้มากกว่าที่ 17 ประตู กับ 13 แอสซิสต์
ถึงกระนั้นในฤดูกาลนี้ยังเหลืออีก 7 แมตช์ให้ได้ลุ้น ซึ่งเชื่อว่า สเตอร์ลิง อาจทำลายสถิติของตัวเองในการเล่นลีกสูงสุดแดนผู้ดี จนไม่น่าแปลกใจหากเจ้าตัวจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่ขึ้นมาชิงชัยในรางวัลดังกล่าว
ซาดิโอ มาเน (ลิเวอร์พูล)
ในฤดูกาลที่แล้วแข้งวัย 26 ปี ถูกกลบรัศมีจากฟอร์มอันโดดเด่นของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ จนถูกวิจารณ์ว่ามีฟอร์มการเล่นที่ตกลงไป ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจกับคำวิจารณ์แต่อย่างใด พร้อมทำงานหนักเพื่อทีมอยู่เสมอ
มาถึงในซีซั่นนี้ในช่วงแรก มาเน ก็ยังออกสตาร์ทได้ไม่สวยนัก พร้อมถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเจ้าตัวมีปัญหากับทั้ง ซาลาห์ และ โรแบร์โต ฟีร์มีโน เพราะในหลายจังหวะที่เจ้าตัวพยายามจะสร้างผลงานให้ตัวเองมากกว่าการเล่นเพื่อทีม
ถึงกระนั้นหลังจากช่วงปีใหม่ ลิเวอร์พูล ประสบปัญหาเรื่องเกมรุกเป็นอย่างมาก เพราะปีกทีมชาติอียิปต์ ผลงานตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้พวกเขาต้องกลับมาตามลุ้นแชมป์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี แบบดุเดือด
ด้วยสถานการณ์ของทีมที่กำลังขับขันทว่า มาเน เหมือนกับฮีโรที่ขี่ม้าขาวมาช่วยกอบกู้ทีม เพราะเจ้าตัวสามารถเร่งฟอร์มของตัวเองขึ้นมาได้อย่างสุดยอด ทั้งเรื่องของการทำเกม และการจบสกอร์ จนทำให้เกิดเสียงชื่นชมในวงกว้าง และมีข่าวว่า เรอัล มาดริด มาใต้การคุมทัพของ ซีเนดีน ซีดาน ต้องการตัวแข้งรายนี้ไปร่วมทีมในฤดูกาลหน้าอีกด้วย
โดยหากอดีตนักเตะ เซาธ์แฮมป์ตัน ยังคงรักษาฟอร์มของตัวเองไว้ได้จนจบฤดูกาลนี้ เชื่อว่ามีสิทธิ์ไม่น้อยที่เขาจะก้าวไปหยิบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ (พีเอฟเอ) มาไว้ในอ้อมกอด
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ 4 นักเตะตัวเต็งที่มีสิทธิ์คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ซึ่งต้องมาติดตามว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้รับเสียงโหวตจากเพื่อร่วมอาชีพ และซิวรางวัลที่หลายคนใฝ่ฝันมาครอบครอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง