คอลัมนิสต์

แค่มโน ยังไม่ได้แหกคุกจริง จะเอาผิด "บรรยิน" ได้หรือไม่?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เจาะประเด็นร้อน : ตร.สกัดแผนแหกห้องขัง จะเรื่องจริงหรือแค่มโน ก็ยังไม่รู้ แล้วแบบนี้ จะเอาผิด พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ได้หรือ

มีประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการวางแผนแหกคุกของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ว่าจะสามารถเอาผิดอดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์คนนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากการแหกคุกยังไม่เกิดขึ้นจริง

สำหรับข้อหาที่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเตรียมแจ้งกับ พ.ต.ท.บรรยิน หลังมีข่าวเรื่อง "แผนแหกคุก" มีอยู่ 4 ข้อหาด้วยกัน โดยรองผู้บังคับการปราบปราม พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ บอกเอาไว้กว้างๆ ได้แก่

1. เป็นผู้ใช้ จ้างวาน หรือก่อให้ผู้อื่นให้กระทำความผิด 2.กระทำการด้วยประการใดๆ ให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง 3. หน่วงเหนี่ยวกักขัง

และ 4. ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน โดย 2 ข้อหาหลังเป็นความผิดจากการวางแผนลักพาตัวภรรยาผู้บัญชาการเรือนจำเพื่อใช้ต่อรอง

 

รองผู้บังคับการกองปราบบอกว่า เมื่อ พ.ต.ท.บรรยิน มีเจตนาก่อเหตุจริง ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว แม้จะยังไม่เกิดการแหกคุก โดยต้องรับโทษ 1 ใน 3

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฝั่งกองปราบสื่อสารออกมา แต่คำถามที่หลายคนอาจจะสงสัยในใจเหมือนๆ กันก็คือ เมื่อยังไม่มีการแหกคุกเกิดขึ้นจริง จะมีความผิดได้อย่างไร และการต้องรับโทษ 1 ใน 3 มีที่มาจากไหน และ 1 ใน 3 เป็นอัตราส่วนของความผิดฐานใด

 

แค่มโน ยังไม่ได้แหกคุกจริง จะเอาผิด \"บรรยิน\" ได้หรือไม่?

การพิจารณาคดีนี้ต้องแยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

กลุ่มแรก นายโจ กับ นายท็อป ที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.บรรยิน ให้ทนายช่วยยื่นประกันตัวออกไปเพื่อเตรียมการแหกคุกให้ตน รวมถึงลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำ เพื่อต่อรองให้ย้ายแดนคุมขังของ พ.ต.ท.บรรยิน

ความผิดที่เกี่ยวข้องมี 3 ฐานความผิด คือ

1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 กระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้ที่ถูกคุมขัง หลุดพ้นจากการคุมขังไป ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139  ผู้ใดข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 8 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

นี่คือโทษจากความผิดที่จะเกิดขึ้นหาก นายโจ และนายท็อป รวมทั้งบุคลอื่นๆ ที่มาร่วมทีมทำงาน ได้กระทำตามแผนแหกคุก ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม แต่การจะรับโทษนี้ ต้องได้กระทำตามแผนแล้ว ส่วนการตระเตรียมการ กฎหมายไม่ได้กำหนดให้เป็นความผิด ฉะนั้น นายโจ กับ นายท็อป จึงไม่น่าจะมีความผิด และน่าจะไม่ต้องรับโทษใดๆ

ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ตัว พ.ต.ท.บรรยิน เอง แม้ไม่ได้เป็นผู้กระทำตาม 3 ฐานความผิดที่แจกแจงมา แต่ พ.ต.ท.บรรยิน มีสถานะที่กฎหมายเรียกว่า "เป็นผู้ใช้ จ้าง วาน" ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ซึ่งกฎหมายเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า เมื่อมีการใช้ จ้าง วาน ก็เป็นความผิดสำเร็จทันที แม้ผู้ถูกใช้ จ้าง วาน จะไม่ได้ไปกระทำผิดตามที่ถูกใช้ก็ตาม โดยผู้ใช้ จ้าง วาน ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของความผิดนั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด

ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำ หรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

 

ถามว่า พ.ต.ท.บรรยิน จะโดนโทษสถานใด คำตอบก็คือหากตำรวจมีหลักฐานยืนยันได้ว่า พ.ต.ท.บรรยิน ใช้ จ้าง วาน นายโจ กับ นายท็อป ให้ไปเตรียมการแหกคุกจริง ทั้งคู่ไม่ได้มโนขึ้นเอง เช่น มีหลักฐานการใช้โทรศัพท์โทรถึงกัน มีการติดต่อบุคคลอื่น หรือตระเตรียมอาวุธ เช่นนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน "ผู้ใช้ จ้าง วาน" ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ในความผิดที่ได้ใช้ให้ไปทำ ทั้งหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน และแหกคุก

 

หากสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้ จ้าง วานจริง พ.ต.ท.บรรยิน ก็ต้องติดคุกเพิ่มในคดีนี้อีกหลายปีทีเดียว นอกเหนือจากที่ต้องโดนอยู่แล้วในคดีอื่นอีก 3-4 คดี ทั้งฆาตกรรมอำพรางเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง   ปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์  และอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา เพื่อข่มขู่ผู้พิพากษาให้ยกฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ