คอลัมนิสต์

เมจิกสกินผลิตภัณฑ์นรกขั้นเทพ-เมื่อคนดัง"หิวเงิน"ไม่แคร์สังคม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เป็นคดีใหญ่ที่อาจจะข้ามไปถึงปี 62 เลยก็ว่าได้สำหรับ คดี "เมจิกสกิน" ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจอมปลอม

 

 

          และยังเป็นคดีที่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อบุคคลในแวดวง “บันเทิง” ระดับ ดารา นางแบบ เน็ตไอดอล และเซเลบชื่อดังเป็นวงกว้าง ชนิดเรียกได้ว่า “งานเข้า” ไปตามๆ กัน เพราะดันไปรับรีวิวสินค้าแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ

 

 

          “เมจิกสกิน” เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่เปิดตัวสินค้าในตลาดคนชั้นกลางไปถึงระดับรากหญ้า เรียกได้ว่าเข้าถึงสาวๆ ที่รักความสวยความงามทุกครัวเรือน โดยอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อบวกกับการยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อให้กลุ่มดารา นางแบบสาวชื่อดัง มาร่วมรีวิวสินค้า จนทำให้ประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ พร้อมกันนี้กลุ่มผู้บริหารยังใช้ยุทธวิธี “แชร์ลูกโซ่” ด้วยการดึงลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิกเพื่อร่วมธุรกิจขายตรง สร้างความร่ำรวยให้แก่กลุ่มผู้บริหารจอมฉ้อฉลเป็นจำนวนหลายร้อยล้านบาท แต่ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อสูญเงินตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักล้านบาท บางรายถึงกับหมดตัวเพราะกู้หนี้ยืมสินนายทุนนอกระบบเพื่อนำเงินมาทุ่มกับธุรกิจเมจิกสกิน แต่ก็ต้องล้มไม่เป็นท่าเพราะสินค้าทุกตัวเป็นของย้อมแมว

 

 

เมจิกสกินผลิตภัณฑ์นรกขั้นเทพ-เมื่อคนดัง\"หิวเงิน\"ไม่แคร์สังคม

 


          สาเหตุที่ทำให้สินค้าเมจิกสกินพุ่งแรงเกิดจากการขายฝัน ทุ่มโฆษณาในทุกช่องทาง โดยเจ้าของสินค้าออกรายการทีวีในช่องที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังมีการจูงใจโอเวอร์ด้วยการอ้างถึงลูกค้าที่เข้ามาเป็นสมาชิกขายตรงว่า คนนี้ขาย 3 เดือนรวยเละ 20 ล้าน ขาย 2 เดือนปลดหนี้บ้าน และที่สำคัญ มีดารา เน็ตไอดอล ระดับตัวท็อปของวงการร่วมรีวิวแชร์สินค้าแทบจะไม่ซ้ำหน้า ซึ่งจุดนี้ทำให้ผู้ตกเป็นเหยื่อมั่นใจว่า เมจิกสกินต้องปลอดภัยเป็นผลิตภัณฑ์ “ระดับเทพ”


          “ความลับไม่มีในโลก” เมจิกสกินถูกเปิดโปงเมื่อมีสาวรายหนึ่งออกมาแฉว่าเป็นเหยื่อการใช้สินค้าของเมจิกสกินผ่านทวิตเตอร์ โดยระบุข้อความว่า “อยากให้ทุกคนระวังกันค่ะ เราเป็นคนหนึ่งที่เคยผิวหมอง มีสิวนิดหน่อย ความอยากหน้าใสเลยซื้อเซรั่มน้ำสีชมพูของบล็อกเกอร์สายเกาคนที่ศัลฯเยอะๆ พอใช้ไปเพื่อนทักว่าทำไมหน้าแดงๆ พอหยุดใช้เท่านั้นแหละสิวขึ้นมาเต็มหน้า ทนสภาพนี้มาเป็นปี เคยอยากฆ่าตัวตายเพราะโดนแท็กซี่ทักว่าเป็นเอดส์ #เมจิกสกิน”

 

 

เมจิกสกินผลิตภัณฑ์นรกขั้นเทพ-เมื่อคนดัง\"หิวเงิน\"ไม่แคร์สังคม



          ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวตุ่มหนองถูกแพร่ไปในโซเชียลอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีสาวผู้ตกเป็นเหยื่อจากการใช้เครื่องสำอางเมจิกสกินเริ่มโผล่ออกมาทีละคนสองคนในสภาพหน้าพังยับเยิน พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ผลิตรับผิดชอบ แต่เจ้าของผลิตภัณฑ์ยังใช้สีข้างถูออกมาแก้ต่างกับเหยื่อว่า ครีมเมจิกสกินกำลังทำ “ปฏิกิริยา” กับใบหน้าด้วยการขับสิ่งสกปรกออกมาจากนั้นเมื่อใช้อีกไม่นานหน้าจะปรับสภาพกลับมาสวยงามเปล่งปลั่ง


          คำกล่าวอ้างดังกล่าวดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อเหยื่อหลายรายเข้าร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่เริ่มเข้าตรวจสอบ โดยนำผลิตภัณฑ์ของเมจิกสกินไปตรวจสอบ จากนั้นก็โป๊ะแตกเมื่อผลพิสูจน์ออกมาพบว่า “เมจิกสกิน” ไม่มีคุณภาพตามที่กล่าวอ้าง และยังพบว่าผลิตภัณฑ์หลายชิ้นมีการสวม “อย.” โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นโรงงานหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเมจิกสกิน จากการตรวจสอบพบว่า “กระบวนการผลิตสินค้าเป็นการทำด้วยมือ และทำขึ้นเองแบบไม่ได้มาตรฐาน” นอกจากนี้ยังไม่มีการรับรองที่ถูกต้อง ส่วนสูตรที่ผสมในผลิตภัณฑ์เป็นการคิดค้นขึ้นเอง 

 

 

เมจิกสกินผลิตภัณฑ์นรกขั้นเทพ-เมื่อคนดัง\"หิวเงิน\"ไม่แคร์สังคม


          “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอางที่ผลิตไม่พบข้อมูลของบริษัท เมจิกสกิน จำกัด ในการขออนุญาตผลิต นอกจากนี้ยังพบผลิตภัณฑ์อาหาร อีก 3 รายการ ได้แก่ SNOW Milk, Fit Yoksod และ Slim milk ผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางพบว่าไม่มีสภาพการผลิตและไม่พบเครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมทั้งสารเคมีและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอางแต่อย่างใด ดังนั้น เครื่องสำอาง 227 รายการ จึงเป็นเครื่องสำอางที่ผลิตไม่ตรงตามที่ได้จดแจ้งไว้” นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าว


          นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้บุกค้นบ้านของนางวรรณภา และนายกร พวงสน เจ้าของบริษัทเมจิกสกิน พบหลักฐานการ “ฟอกเงิน" และการสวมรถหรูกว่า 30 คัน พร้อมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมมูลค่ารวมหลายสิบล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยึดทรัพย์ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่ามีคนสนิทของผู้ต้องหาที่ช่วยเหลือในการถ่ายโอนทรัพย์สิน ทั้งยานพาหนะ บ้าน เงินจำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อายัดเงินสดที่ได้มาจากการกระทำความผิดจำนวน 68 ล้านบาท

 

 

เมจิกสกินผลิตภัณฑ์นรกขั้นเทพ-เมื่อคนดัง\"หิวเงิน\"ไม่แคร์สังคม

 


          เมจิกสกินกลายเป็นเรื่องใหญ่เหมือน “ไฟลามทุ่ง” เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่สรรพากร และเจ้าหน้าที่ อย. รวมกว่า 700 นาย เข้าตรวจค้นร้านค้ากว่า 200 แห่งในตลาดแอร์พอร์ต หรือตลาดใหม่ดอนเมือง เพื่อขยายผลตรวจค้นแหล่งผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริมผิดกฎหมาย โดยระหว่างตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้มีปัญหากระทบกระทั่งกับ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล ในฐานะประธานกรรมการที่ปรึกษาของบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง พากลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบคนเข้ามาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่


          จากการตรวจค้นดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานกว่า “3 แสนชิ้น มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท” เบื้องต้นนำของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง ต่อมาตำรวจสอบสวนพบว่า พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมลูกน้องรวม 11 คน เรียกเก็บค่าคุ้มครองกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาล ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์


          การสืบสวนสอบสวนผลิตภัณฑ์เมจิกสกินดำเนินต่อมาจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งเช็กบิลกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย บริษัทเมจิกสกินโดยนายกร พวงสน ผู้ต้องหาที่ 1 (นิติบุคคล) นายกร พวงสน ผู้ต้องหาที่ 2 ในนามส่วนตัว นางวรรณภา พวงสน ผู้ต้องหาที่ 3 น.ส.ตรีชฎา ใจสบาย ผู้ต้องหาที่ 4 บริษัทฮานิวโคเรีย โดย น.ส.ปาจารีย์ วงศ์สมบูรณ์ ผู้ต้องหาที่ 5 (นิติบุคคล) และ น.ส.ปาจารีย์ วงศ์สมบูรณ์ ผู้ต้องหาที่ 6 โดยพนักงานสอบสวนประชุมพบว่า คดีมีพยานหลักฐานพร้อมสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 แจ้งข้อหาร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางปลอมอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ร่วมกันฉ้อโกง ประชาชน และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-4 ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมของกลางทรัพย์สินที่ยึดได้จำนวน 22 ล้านบาท

 

 

 

เมจิกสกินผลิตภัณฑ์นรกขั้นเทพ-เมื่อคนดัง\"หิวเงิน\"ไม่แคร์สังคม

 


          ขณะเดียวกันในส่วนของ “ดารา นางแบบ” ที่รับรีวิวสินค้าเจ้าหน้าที่พบว่ามีจำนวนกว่า “50 คน” เข้าข่ายกระทำความผิด โดยชุดแรกตำรวจได้เรียกตัวมาให้ปากคำ อาทิ “ม้า” อรนภา กฤษฎี ผู้รีวิวโฆษณาเฟิร์นวิตามิน “สายป่าน” อภิญญา สกุลเจริญสุข ผู้รีวิวโฆษณาเฟิร์นคลีโอ “เมย์” พิชญ์นาฏ สาขากร ผู้รีวิวโฆษณาเฟิร์นคลีโอ เจสซี วาร์ด ผู้รีวิวโฆษณาเฟิร์นคลีโอ “แพท” ณปภา ตันตระกูล ผู้รีวิวโฆษณาเฟิร์นวิตามิน อรพรรณ ด่านศิริวัฒนกุล หรือออฟฟี่ แม็กซิม ผู้รีวิวโฆษณาเฟิร์นวิตามิน “ก้อย” รัชวิน วงศ์วิริยะ ผู้รีวิวโฆษณาสลิมมิลค์ “โฟร์” ศกลรัตน์ วรอุไร ผู้รีวิวโฆษณาสลิมมิลค์ “หญิงแย้” นนทพร ธีระวัฒนสุข ผู้รีวิวโฆษณาสลิมมิลค์


          นอกจากนี้ยังมี “ดาราระดับแม่เหล็ก” อีกหลายราย อาทิ “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา “ขวัญ” อุษามณี ไวทยานนท์ “พิ้งค์กี้” สาวิกา ไชยเดช “มาร์กี้้” ราศี บาเล็นซิเอก้า “ลีเดีย” ศรัณย์รัชต์ ดีน “แพทตี้” อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา “ไอซ์” อภิษฎา เครือคงคา “วุ้นเส้น” วิริฒิพา ภักดีประสงค์ รวมไปถึงพระเอกหนุ่ม “พอร์ช” ศรัณย์ ศิริลักษณ์ กันต์ กันตถาวร “กอล์ฟ” พิชญะ นิธิไพศาลกุล “ดีเจพุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน “มาร์ช” จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล ฯลฯ


          ทั้งนี้ในการให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ ดาราทุกคนต่างให้การไปทำนองเดียวกันว่า ดาราก็ตกเป็นเหยื่อ ทุกคนไม่คิดจะหลอกลวงประชาชน แต่อาจเป็นความสะเพร่าที่ไม่ได้ตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เมื่อเห็นว่ามี อย.จึงรับงาน เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา

 

 

เมจิกสกินผลิตภัณฑ์นรกขั้นเทพ-เมื่อคนดัง\"หิวเงิน\"ไม่แคร์สังคม

 


          การแก้ต่างของดารา นักแสดง นางแบบชื่อดังในครั้งนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกคล้อยตามหรือเห็นใจแต่อย่างใด แต่กลับมองว่า คนกลุ่มนี้ปัดความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง การรีวิวสินค้าของกลุ่มดาราถูกตั้งคำถามว่า แค่ได้เงินเข้ากระเป๋าก็ทำได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะตามมาอย่างใหญ่หลวง และสิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ ดาราหลายคนออกมายอมรับว่า “ไม่เคยทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เมจิกสกินสักครั้งเดียว”


          มาถึงขณะนี้คดี “เมจิกสกิน” มีผู้เสียหายนับร้อยคนทั้งกลุ่มผู้ค้าปลีก และผู้บริโภคที่แจ้งความแล้วรวมแล้ว 904 คน โดยมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 290 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มดาราที่ร่วมรีวิวสินค้าก็ยังต้องรับกรรมต่อไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเรียกตัวดำเนินคดี เพราะจากหลักฐานพบว่า ดาราไม่น้อยกว่า “50 ราย" เข้าข่ายการกระทำความผิดอาญา โดยพนักงานสอบสวนจะเรียกมาให้การและสอบปากคำในต้นปี 2562 และถือเป็น “ทุกขลาภ” ในวันขึ้นปีใหม่จากการกระทำที่ปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างสิ้นเชิง...!

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ