ข่าว

นายกฯแย้ม เจรจา ไฟเซอร์ นำเข้าวัคซีนโควิด 5-10 ล้านโดส ก.ค.นี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกรัฐมนตรี ย้ำ จัดซื้อวัคซีนโควิด ไม่เหมือนซื้อยาทั่วไป ลั่น ไม่เคยคิดผูกขาดวัคซีน แย้ม เจรจาไฟเซอร์ นำเข้าวัคซีน 5-10 ล้านโดส เดือน ก.ค. เร่งกระจายประชาชนให้ทั่วถึง  ยัน ไม่นิ่งนอนใจ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า รัฐบาลได้มีการยกระดับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ในระดับใหม่ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งต้องพิจารณาในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ให้มีการประชุมเร็วๆถึงสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดของเชื้อ ซึ่งต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้มีการทำงานร่วมกันในลักษณะบูรณาการร่วมกันทั้งข้าราชการพลเรือนและทหาร ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างเต็มที่ ขอบคุณประชาชนที่มีส่วน ความร่วมมือในเรื่องความเข้าใจตอบสนองนโยบายภาครัฐที่ออกไปตามมาตรการต่างๆ

ส่วนกระแสโซเชียลโจมตีรัฐบาลให้เปิดการนำเข้าวัคซีนของโรงพยาบาลเอกชน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนได้ตอบสนองแล้ว โดยให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดำเนินการมาโดยตลอด พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกคณะหนึ่งโดยมีนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน โดยได้หารือกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและผู้รู้เพื่อให้ข้อมูลว่าจะสามารถดำเนินการในส่วนนี้ได้อย่างไร เพื่อให้สามารถนำเข้าวัคซีนทางเลือกได้  

ซึ่งการผลิตวัคซีนของบริษัทเอกชนกว่าจะนำออกมาก็ต้องขออนุญาตรัฐบาล ซึ่งเป็นสัญญารัฐบาลต่อรัฐบาล นี่คือความยากง่าย สิ่งที่เราได้รับวัคซีนในช่วงแรกเป็นการจัดซื้อในฐานะที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีมากในระยะที่ 1 พร้อมระบุว่าการจัดหาวัคซีนนั้นเป็นไปตามความจำเป็น และตนไม่อยากให้ประชาชนมีความเสี่ยง

ในขณะที่วัคซีนยังไม่มีการพิสูจน์ทราบได้ แต่เมื่อมีการพิสูจน์ทราบมาแล้ว ตนก็เปิดช่องทางให้หลายยี่ห้อ เข้ามาแสดงความต้องการที่จะขายและขึ้นทะเบียน แต่ต้องย้ำว่าการจัดหาวัคซีนเป็นแบบระหว่างรัฐต่อรัฐ เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะฉะนั้นต้องไปดูตรงนี้ ในเงื่อนไข ตนขอให้เข้าใจ ไม่ใช่ว่าสั่งจองช้า เกินไปหรือจำนวนน้อยเกินไป ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราไม่อยากให้ประชาชนมีความเสี่ยงในตอนแรกที่มียังไม่มีผลที่รูปธรรมออกมา ซึ่งในหลายประเทศก็เป็นเช่นเดียวกับเรา

ทั้งนี้ วัคซีนที่จะนำเข้ามาประมาณการไว้ในวันที่ 24 เมษายน บริษัท ซิโนแวค 500,000 โดส และเดือนพฤษภาคมอีก 1,000,000 โดส ซึ่งในส่วนนี้ต้องรอนโยบายของรัฐบาลจีนด้วย

นอกจากนี้ บริษัท astrazeneca ที่ผลิตในประเทศไทย เริ่มส่งวัคซีนในช่วงเดือนมิถุนายน 4-6 ล้านโดส

"สถาบันวัคซีนเปิดเผยว่ากำลังเจรจากับบริษัทไฟเซอร์ และมีความเป็นไปได้ที่จะส่งเข้ามาได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงสิ้นปี ประมาณ 5-10 ล้านโดส แต่ทางนี้ยังอยู่ในระหว่างการเสนอราคา และเงื่อนไข"

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนได้เร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดตามโควตา และประชาชนได้รับบริการวัคซีนได้อย่างทั่วถึงตามกำหนดความเร่งด่วน และขณะนี้เองรัฐบาลก็มีการเตรียมสำรองวัคซีนเดือนต่อไป เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ 

ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่าเป็นเรื่องการผูกขาดการนำเข้าวัคซีน นายกรัฐมนตรียืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ ตนไม่เคยคิดเรื่องนี้ คิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้ปลอดภัย จะทำอย่างไรให้จัดหาได้ พร้อมอธิบายว่า การจัดซื้อวัคซีนไม่สามารถที่จะซื้อเหมือนซื้อยาปกติทั่วไปได้ เพราะเป็นวัคซีนที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินปัจจุบัน และบริษัทผู้ผลิตเอกชนก็ไม่รับผิดชอบในกรณีที่เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียงจึงจำเป็นต้องเป็นรัฐผู้จัดหาในขณะนี้ ซึ่งต่อไปก็คงคลี่คลายลงได้

ส่วนการติดตามสำนวนคดีเกี่ยวกับเรื่องแหล่งแพร่ระบาดต่างๆนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดูแลเจ้าหน้าที่ทั้งหมด และลงโทษไปบ้างแล้ว และจะต้องมีการตรวจสอบต่อไปให้หาถึงเจ้าของที่แท้จริงของสถานบริการต่างๆเหล่านั้นว่าใครเป็นเจ้าของและจะดำเนินคดีต่อไป ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องเหล่านี้ แหล่งการแพร่ระบาดได้มีการสอบสวนในทุกกรณีไป

ส่วนกรณีที่มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจำนวนมากนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องเข้าใจว่าติดมาอย่างไร คงไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ที่ไหนมาต้องเห็นใจเขาบุคลากรทางการแพทย์ต่างๆเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทหารตำรวจที่ไปดูแลเรื่องการตรวจจุดสกัดดูแลผู้ชุมนุมที่มีการแพร่ระบาด แล้วติดเชื้อมาก็ต้องเห็นใจเขา ต้องดูแลเขา ตนไม่อยากให้สร้างภาระให้กับเขาอีก เรื่องที่ต้องใช้คนจำนวนมากลงไปดูแลใกล้ชิดกันอีกก็จะเป็นการแพร่เชื้อในระยะต่อไป เราต้องรักษาบุคลากรทางการแพทย์ให้ได้มากที่สุดให้ความสำคัญดูแลเขา รัฐบาลเองก็มีมาตรการดูแลเขาอยู่แล้วในส่วนนี้ 

ส่วนการแก้ไขปัญหาคนตกงาน ขณะนี้ก็มีหลายมาตรการที่ออกมา หลายคนคงไม่ลืม  เพราะฉะนั้นจะต้องดูแลตรงนี้ต่อไปว่าจะทำอย่างไรกันอีก ไม่ว่าจะเป็น SME จะต้องจัดเตรียมหางบประมาณเพิ่มเติมจากงบประมาณที่มีอยู่เดิม นี่คือวิธีการทำงาน

ส่วนการเข้าถึงวัคซีนผ่าน Application หมอพร้อม จะเริ่มให้ลงทะเบียนวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 จะต้องมีการเตรียมการมากพอสมควร เพื่อให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศโดยเร็ว โดยเริ่มใช้ข้อมูลจากการเข้ารักษาการพยาบาลทั่วประเทศ ก็ได้จำนวนหนึ่ง แต่ที่เหลือก็ต้องหาเพิ่มเติมว่าคนทั้งประเทศมีความต้องการที่จะฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจเท่าไหร่

ด้านแผนการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หลายคนเข้าใจว่าขาดแคลนแต่รัฐบาลมีการจัดเตรียมแผนสำรองไว้แล้วโดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งยาดังกล่าวให้เข้าใจตรงกันว่าไม่ใช่ยาที่กินแล้วจะป้องกันโควิด วัคซีนก็เป็นวัคซีนที่สร้างภูมิต้านทานในตัวเราให้เข้มแข็งขึ้น และเมื่อภูมิเข้มแข็งขึ้นก็สามารถต้านทานโรคนี้ได้พอสมควร และไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น

แต่อย่างไรก็ตามจะต้องใช้มาตรการเดิมที่มีอยู่คือการสวมหน้ากากเว้นระยะห่างล้างมือ โดยบางพื้นที่ มีการกำหนดบทลงโทษ ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งตนไม่อยากให้ประชาชนต้องเดือดร้อนตรงนี้ แต่บางทีก็จำเป็นเหมือนกันไม่เช่นนั้นประชาชนก็ประมาท ก็ทำให้การแก้ไขปัญหานั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ตนโทษใครไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องไม่โทษซึ่งกัน และต้องร่วมมือซึ่งกันและกัน

ตนขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้กับตนคณะรัฐมนตรี บุคลากรทางการแพทย์รัฐบาล ตนจะไม่หยุดนิ่งในการคิด ที่จะบริหารจัดการต่างๆ ตนก็รับฟังความคิดเห็นจากกระทรวงสาธารณสุขบุคลากรทางการแพทย์ โดยขณะนี้ในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนเมษายนจะมีการจัดหายาดังกล่าวเพิ่มอีก 2 ล้านเม็ด ซึ่งพอเพียงในการใช้เพื่อการรักษาซึ่งจะต้องเป็นการประเมินรายวัน และสต๊อกเอาไว้หากสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นเพราะฉะนั้นจะต้องมีแผนเป็นขั้นเป็นตอน

ส่วนกรณีเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในเรื่องการเยียวยาประชาชน ในช่วงบ่ายจะหารือเพิ่มเติมกับทีมเศรษฐกิจ ว่าจะสามารถใช้งบประมาณต่างๆได้มากน้อยเพียงใด และเริ่มโครงการใดบ้าง ซึ่งปัจจุบันยังมีโครงการเราชนะ โครงการ ม.33 เรารักกัน และโครงการอื่นที่จบไปแล้ว จะดำเนินการพิจารณาอีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ต้องนึกถึงว่ารัฐบาลมีงบประมาณอยู่แค่ไหน อย่างไร ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ อย่างไรก็ต้องจัดหาให้จนได้ เพียงแต่ว่าต้องหาด้วยวิธีไหน ว่าจะมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ในสถานการณ์เช่นนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายว่า สิ่งที่ตนพูดออกไปในฐานะรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเอาข้อมูลออกมาจากหน่วยงาน นี่คือทำงานอย่างเป็นระบบ ตนได้เน้นย้ำเรื่องโรงพยาบาลสนามต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าจะต้องเตรียมให้ได้ทุกพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนให้เข้าใจตรงกันว่า หลายคนอยากเข้าโรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชน แต่เตียงไม่เพียงพอจึงต้องรักษาเตียงไว้ให้กับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก จึงต้องมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งมีเตียงว่างอยู่จำนวนมากพอสมควร และพร้อมที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ จึงขอทำความเข้าใจอาจอยู่ไกลบ้านบ้างก็ขอให้เข้าใจ จะไปดึงดันเข้าโรงพยาบาลรัฐเอกชนอย่างเดียวคงไม่ได้ และขอบคุณเอกชนที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ เราจะต้องข้ามผ่าน covid ไปให้ได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน

หลายครั้งที่ตนพูดอาจจะพูดเร็วไปนิด เพราะมีหลายเรื่องที่ให้ต้องคิด ต้องขอโทษด้วย ตนจะพูดให้ช้าๆ บางครั้งพูดถูกบ้างผิดบ้าง พูดไม่ชัดบ้าง ก็ขอให้เข้าใจด้วยแล้วกัน ตนพยายามเต็มที่ตนเป็นคนค่อนข้างทำอะไรเร็วไปนิดนึง พูดเร็วคิดเร็ว หลายเรื่องอยู่ในสมองค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สุขภาพ การลงทุน งบประมาณ นี่คือหน้าที่ของนายกฯ พร้อมขอทำให้ดีที่สุดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน อะไรที่ไม่ดีก็ขอโทษ อะไรที่ดีก็ขอให้ร่วมมือ นายกฯไม่เคยคิดเป็นอื่น คิดทำให้ประเทศไทยในดีขึ้นหลายเรื่องที่รัฐบาลต้องกลับมาแก้ไขปัญหาก็มีมาทุกวัน แต่ตอนยืนยันว่าจะต้องเร่งดำเนินการให้จงได้ ขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ