ข่าว

"ชัยวัฒน์-ลูกน้อง" พร้อมไปศาลอาญาคดีทุจริตฯ พรุ่งนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ชัยวัฒน์" เผย นัดทนาย-3 ลูกน้อง รายงานตัวศาลครบฝากสุดท้ายคดีบิลลี่ ระบุยังไม่ทราบคำสั่งฟ้องทางการจากอัยการ หากส่งตัวฟ้องพรุ่งนี้ก็เตรียมพร้อม

 

          เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2563 - นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้สัมภาษณ์กรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กำหนดนัดให้ไปรายงานตัวครบฝากขังครั้งสุดท้าย คดี นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ อายุ 31 ปี นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ว่า คดีดังกล่าวศาลกำหนดให้ ตนและกลุ่มผู้ต้องหารวม 4 คน เข้ารายงานตัวในวันที่ 3 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ซึ่งตนได้นัดกับนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความ และกลุ่มไว้แล้ว จะเดินทางไปถึงศาลตามนัด

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง

 ย้ายกลับ 'ชัยวัฒน์' นั่ง ผอ.สบอ.9 พ้นข้อหา 'คดีบิลลี่'

อัยการ ตอบทุกเหตุผลสั่งไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์ คดีบิลลี่

เปิดร่างคำโต้แย้ง 6 ประเด็นคดีบิลลี่

 

 

 

          นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่อัยการจะแจ้งคำสั่งคดีที่สั่งฟ้องตนกับกลุ่มในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในช่วงวัน-เวลาดังกล่าวหรือไม่ ตนยังไม่ทราบชัดเจน ซึ่งเข้าใจว่าหากอัยการจะยื่นฟ้องข้อหาดังกล่าวก่อนตามที่ปรากฏเป็นข่าวเรื่องการสั่งคดีนั้น ตนและทนายความกับกลุ่มก็พร้อมอยู่ที่ศาล โดยที่ผ่านมาตนยังไม่ได้รับคำสั่งฟ้องจากเป็นทางการจากอัยการ (พนักงานอัยการคดีสำนักงานคดีพิเศษ 1) เพียงแต่ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากที่ปรากฏเป็นข่าวเท่านั้น อย่างไรก็ดีพรุ่งนี้พวกตนจะเดินทางไปรายงานตัวต่อศาลตามนั้น ส่วนเรื่องการให้ความเห็นต่อการสั่งคดีของอัยการนั้น ตนขอทราบรายละเอียดอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนและขอให้เสร็จสิ้นกระบวนการรายงานตัวทางศาลก่อน

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ นายชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานระหว่างปี 2551-2557 ถูกกล่าวหาร่วมกับนายบุญแทน บุษราคำ พนักงานพิทักษ์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.) สาขาเพชรบุรี ผู้ต้องหาที่ 2 (เมื่อเดือน ก.ย.62 มีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการ สบอ.4 สาขาสุราษฎร์ธานี) , นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศพนักงานพิทักษ์ป่า สบอ.3 (เมื่อเดือน ก.ย.62 มีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการ สบอ.1 สาขาสระบุรี) ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ลูกจ้างชั่วคราว ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดรวม 8 ข้อหา

 

          1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น หรือร่วมกันฆ่าผู้อื่เพื่อปกปิดการกระทำอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 2.ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายฯ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอม หรือยอมจะให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายฯ 4.ร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดฯ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย      

 

          5.ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางศพ หรือสภาวะแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไฟ 6.ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต 7.ร่วมกัน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น 8. ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
 

          โดยอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ที่มาสำนวน การสอบสวนของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว ให้สั่งฟ้องเพียงข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ,83 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542  มาตรา 123/2 ,172 จากกรณีที่นายชัยวัฒน์เมื่อจับกุมนายบิลลี่ที่อ้างว่าเก็บน้ำผึ้งป่าแล้วไม่ดำเนินคดี

 

          ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มลูกน้องนายชัยวัฒน์ 3 คนก็ให้สั่งฟ้องในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ส่วนข้อหาอื่นอีก 7 ข้อหา เช่น ฆ่าผู้อื่น , กักขังหน่วงเหนี่ยว คณะทำงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยขณะนี้กระบวนการอยู่ระหว่างการพิจารณาของอธิบดีดีเอสไอที่จะทำความเห็นว่า จะเห็นด้วยกับคำสั่งฟ้องของอัยการดังกล่าว หรือมีความเห็นแย้ง ซึ่งหากมีความเห็นแย้งก็จะต้องส่งสำนวนและความเห็นนั้นกลับมาให้นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด พิจารณาพื่อมีคำสั่งชี้ขาดเป็นขั้นตอนสุดท้ายตามกฎหมายต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ