"วิษณุ" เสนอ 3 สูตรปรับครม.

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 เวลา 10.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนนี้นายกรัฐมนตรีได้เคยพูดคุยด้วยหรือไม่ ว่า “ไม่มี ไม่เคยพูด มีแต่พูดในการประชุมครม. เมื่อวานนี้ (9 มิถุนายน) ว่า เป็นอำนาจของท่าน แต่ท่านยังไม่ทำ” เมื่อถามว่า มีสัญญาณบ้างหรือไม่ เพราะนายวิษณุเป็นผู้ดูแลเรื่องเอกสารงานต่างๆ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่มี ไม่มีทั้งสัญญา และไม่มีทั้งสัญญาณ” 

เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีกรณีที่ให้รัฐมนตรีเซ็นใบลาออกล่วงหน้า เพื่อรองรับการปรับครม. หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นของพรรคการเมืองทำ แต่ว่าหัวหน้ารัฐบาลทำไม่เคยมี และไม่กล้าไปทำด้วย เพราะสมัยก่อนเป็นรัฐบาลผสม มีหลายพรรคการเมือง หากเอาเขาเข้ามาร่วมรัฐบาล แล้วจะไปบังคับเขาเซ็นลาออกล่วงหน้าไม่ได้ แต่หากพรรคใครพรรคมันทำก็ได้ บางพรรคก็ทำ บางพรรคก็ไม่ทำ บางพรรคก็ทำด้วยเจตนาดี ในแง่เผื่อเหตุการณ์ปุบปับ ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ที่มีเหตุจำเป็นต้องปรับครม. เจ้าตัวอยู่เมืองนอก หากต้องรอให้เซ็นแล้วส่งกลับมาก็คงไม่ทัน ก็อาศัยใบลาออกที่เขียนไว้ให้ก่อนนั่นแหละ แล้วค่อยนำมากรอกวันที่ เป็นเรื่องของพรรคการเมือง เป็นเรื่องเทคนิค ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร บางทีเซ็นไว้แล้วก็สามารถยกเลิกได้ 

เมื่อถามว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันเหมาะสมกับการปรับครม. หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ไม่ตอบ” ส่วนที่มีข่าวว่า นายกฯ ได้กำชับให้คนที่มีกระแสข่าวว่าจะลาออกตั้งใจทำงานต่อไปนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่มี ท่านไม่ได้พูดชัดขนาดนั้น เพราะมันไม่มีข่าว”

เมื่อถามว่า โดยปกตินายกฯ จะแจ้งล้วงหน้าเรื่องการปรับครม. หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีทุกแบบ แบบที่หนึ่ง คือ ไม่แจ้งรัฐมนตรี ซึ่งหากจะปรับอย่างนั้น ก็เหมือนกับการปลดออกจากตำแหน่ง คือกราบบังคมทูลฯ ให้พ้นจากตำแหน่งเลย แบบที่สอง คือ แจ้งรัฐมนตรี หมายความว่าเป็นการบอกให้เขาเขียนลาออก และแบบที่สาม คือ แจ้งแต่ว่ายังไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่ เพียงแต่แจ้งว่า มรสุมกำลังจะมา ฝนกำลังจะตก กางร่วมเตรียมไว้นะ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ก็มีเหมือนกัน 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางแบบที่สามน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “มีทุกรูปแบบ ในอดีตเคยมีด้วยซ้ำไป ผมเคยเขียนในหนังสือของผมว่า นายกฯ บางท่าน หากต้องการปรับครม. ก็จะไม่บอกก่อน ซึ่งตอนนั้นผมเป็นเลขาครม. ผมจึงเรียนท่านว่า ถ้าไม่บอกก่อน จะผิดใจกันนะ จึงแนะนำว่าให้บอกเขาแล้วให้ยื่นใบลาออกแทน นายกฯ จึงบอกผมว่า คุณไปบอกเอง ท่านจะไม่บอก ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลกำลังจะปรับครม. เพราะมีหลายคน โดยรัฐมนตรีบางคนก็เขียนมาให้ บางคนบอกไม่เขียน เก่งจริงก็ปลดสิ”

เมื่อถามว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่สมัยคสช. ช่วงที่ต้องปรับครม. มีการแจ้งล่วงหน้าหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แจ้งนะ เพราะตอนมาก็มาด้วยกัน เราไม่ได้เป็นพรรคการเมือง ที่จะแจ้งกันยากหน่อยก็เพราะเป็นพรรค แต่ต่อให้เป็นพรรคของตัวเองก็แจ้งยากนะ 
 

เมื่อถามว่า การปรับครม. รอบนี้จะมีการแจ้งล่วงหน้าหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ปัญหาคือ เรื่องแจ้งหรือไม่แจ้งล้วงหน้า ต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่การทำตามอำเภอใจ ถ้าเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง รัฐบาลผสมหลายพรรค ก็ต้องเข้าใจว่า หากมีการปรับแล้วไม่ได้แจ้ง แล้วถ้าเกิดพรรคเขาคิดว่า น่าจะบอกกันก่อนนั้น เขาก็อาจจะขอเปลี่ยนตำแหน่งคนนั้นคนนี้ด้วย คืออาจจะได้ทำไปในคราวเดียวกัน แต่หากเล่นเงียบๆ และปรับครม. เลย ตั้งใจจะปรับสักคนหนึ่ง หรือสองคน ถ้าบอกให้รู้ พรรคก็อาจจะแถมมาอีกสักสามคน ห้าคน ทำไปทีเดียว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการดำเนินการหลายครั้ง มันจะกลายเป็นความล่าช้า และอาจจะพลาด หากไม่บอกไม่บอกไปเลย ทั้งนี้สมัยที่เป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือรัฐบาลประยุทธ์ 1 นั้น เวลานายกฯ เลือกใครออก นายกฯ ก็จะเป็นคนเลือกคนเข้า จึงไม่ต้องปรึกษากับคนอื่น 

แต่ถ้าอยู่กันหลายพรรค สมมติจะปรับพรรค ก. แล้วตั้งใจจะทำเฉพาะพรรค ก. แต่พรรค ข. ก็อาจจะอยากปรับของเขาอยู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่านายกฯ จะปรับ ถ้าอยู่ดีๆ แล้วประกาศปรับครม. โอเคได้ปรับพรรค ก. แล้วเดี๋ยวเขาก็ขอยื่นให้ปรับพรรค ข. บ้าง เลยกลายเป็นปรับครม. ทุกอาทิตย์ ฉะนั้นทำเสียทีเดียวไปเลย ดังนั้นเมื่อจะทำทีเดียว ก็ต้องแจ้งล่วงหน้า