ข่าว

"อังคณา" จี้ รัฐบาลเร่งสอบปม "วันเฉลิม" ไม่เช่นนั้นตกเป็น"ผู้ต้องสงสัย"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อังคณา"  จี้  "รัฐบาล" เร่งสอบปม "วันเฉลิม" ไม่เช่นนั้นตกเป็น "ผู้ต้องสงสัย" ว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          6 มิ.ย.2563 นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แสดงความเห็นต่อกรณีนายวันเฉลิม ว่า ไม่ควรมีใครต้องถูกอุ้มหายเพราะความเห็นต่างทางการเมือง #SAVEวันเฉลิม

 

อ่านข่าว...  วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูกอุ้ม #saveวันเฉลิม ขึ้นอันดับ 1 ทวิตเตอร์
 


          บางคนอาจเชื่อว่า #ปัญหาจะหายไปหากบางคนถูกทำให้หายไป - ข่าวการถูกลักพาตัว วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ จากหน้าคอนโดมิเนียมที่พักของเขาในกรุงพนมเปญ ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ และสร้างความกังวลและหวาดกลัวให้ผู้ลี้ภัยทางการเมืองหลายคนภายหลังกรณีการหายตัวไปของสุรชัย แซ่ด่าน และสหายกาสะลอง ที่ต่อมาพบเป็นศพลอยน้ำ ส่วนสุรชัยยังคงเป็นบุคคลสูญหาย และต่อมากรณีการหายตัวของสยาม ที่ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบที่อยู่และชะตากรรมของเขา

          กรณีวันเฉลิม #เชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาคงต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากกัมพูชาได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาคนหายของสหประชาชาติ (มิถุนายน 2013) ซึ่งทำให้มีภาระผูกพันให้ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีการบังคับบุคคลสูญหายแม้จะไม่มีการร้องเรียน ส่วนจะนำไปถึงการทราบที่อยู่และชะตากรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษหรือไม่คงต้องติดตามดูกันต่อไป


          แม้วันเฉลิมจะอยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศกัมพูชา แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนไทยและแม้จะเป็นคนที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐ แต่รัฐบาลก็ไม่ควรเพิกเฉย และควรประสานความร่วมมือกับกัมพูชาในการคลี่คลายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และชี้แจงต่อสาธารณะ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลไทยอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


          เรื่องการยุติการบังคับสูญหาย แม้ที่ผ่านมารัฐบาลไทยจะได้ลงนามอนุสัญญาคนหายของสหประชาชาติ (มกราคม 2555) และมีมติ ครม. ให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ และให้มีกฎหมายภายในประเทศเพื่อป้องกันและยุติการบังคับบุคคลสูญหาย (25 พฤษภาคม 2559) แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่ารัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จะเต็มใจผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากความล่าช้า อีกทั้งที่ผ่านมา ร่างกฎหมายยังถูกปรับแก้จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ


          และถูกถอดจากวาระการพิจารณาของ สนช. โดยไม่มีการแจ้งเหตุผล จนปัจจุบันก็เชื่อว่าร่างกฎหมายฉบับนี้คงยากที่จะผ่านสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และโดยเฉพาะวุฒิสภา หรือหากผ่านก็คงถูกตัดทอนจนไม่เหลือสาระสำคัญในการคุ้มครองประชาชนและเอาผิดเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำผิดได้จริง
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ