สาวอบต.โดน แฮกเฟซบุ๊ก และไลน์ส่งข้อความขอยืมเงินเพื่อนจนสูญเงิน

วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เจ้าหน้าที่อบต.แห่งหนึ่งในอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมาได้เอาหลักฐานการแจ้งความและข้อความการพูดคุยผ่านไลน์ให้ผู้สื่อข่าวได้ดูจากกรณีเจ้าหน้าที่อบต.ได้โดนแฮกเฟสและไลน์ส่งข้อความไปยังเจ้าหน้าที่อบต.ที่ทำงานอยู่ข้างในด้วยกันหลอกยืมเงินจำนวนกว่า 3 พันบาทสุดท้ายเหยื่อที่ถูกหลอกตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพโอนเงินไป 3 บาทเห็นว่าเป็นเพื่อนกันเอง แต่พอได้พูดคคุยกับเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่อบต.อีกคนขอเงินคืนกลับกลายเป็นว่าไม่รู้เรื่องและมาเช็คไลน์และเฟสพบว่ามีการส่งข้อความไปยืมเงินแนวนี้อีกจำนวน 10-20 ราย ทำให้รู้ว่าตนเองโดนแฮกเฟซบุ๊กและไลน์เรียบร้อยแล้ว

โดยคุณมนสิการ ภูจักรเพ็ชชร เจ้าหน้าที่อบต.คนที่โดนแฮกเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ตนเองได้ใช้ไลน์ปกติทุกวันแต่มาวันนี้ตอนเช้าได้มีแม่บ้านในอบต.มาขอให้โอนเงินให้ลูกชายตนเองจึงได้เปิดไลน์เพื่อจะดูเลขบัญชีแต่ปรากฏว่าเข้าไลน์ตนเองไม่ได้ จึงได้สมัครไลน์ใหม่ขึ้นมา แต่จังหวะนั้นเองน้องสาวได้ทักมาหาว่าทำมีสองไลน์ใช้ไลน์ไหนกันแน่ ตนเองจึงบอกว่าใช้ไลน์ใหม่แล้ว ไลน์เก่าเข้าไม่ได้ ตนเองจึงตัดสินใจวิดิโอคอลไปหาน้องจนน้องเล่าให้ฟังว่าไลน์ตนเองได้แชทไปยืมเงินคนอื่นไปทั่วเลยและส่งข้อความแชทมาให้ดู จึงทำให้รู้ว่าตนเองโดนแฮกไลน์และเฟซบุ๊กแล้ว จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ตนเองยืนยันว่าไม่มีเจตนาไปหลอกใคร โดนแฮกจริงๆจึงไปแจ้งความไว้เพื่อความบริสุทธิ์ใจ สงสารกับคนที่ตกเหยื่อก็มีเพื่อนในอบต.ที่โดนไปด้วย ซึ่งมิจฉาชีพคนดังกล่าวจะเลือกแต่คนที่ตนเองสนิทด้วยเป็นเหยื่อ

ด้านคุณบุญเอื้อ เนาวรัตน์ ผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเจ้าหน้าที่อบต.อีกคน เปิดเผยว่า ตอนแรกไม่ได้เอะใจอะไรเลยคิดว่าตอนแรกเพื่อนที่อยู่ในอบต.ด้วยกันคือคุณมนสิการแชทมายืมเงินคิดว่าคงไม่สะดวกไปธนาคาร ด้วยความที่สนิทก็เลยโอนให้ไป 3000 บาท แต่อีก 10 นาทีต่อมาแชทมาขออีก 3000 บาท แต่ตอนนั้นตนเองยังไมได้ให้ เพราะเพิ่งโอนชุดแรกไป หลังจากนั้นตนเองจึงได้เข้าเฟซบุ๊กดูและเห็นว่าคุณมนสิการโพสต์เฟซบุ๊กว่าโดนแฮกไลน์และเฟซบุ๊กส่งข้อความไปขอยืมเงินทำให้ตนเองรู้ว่าโดนหลอกแล้ว ทั้งนี้ตนเองจึงได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ติดใจกับเพื่อนที่อยู่ในอบต.ด้วยกัน เพราะเข้าใจว่ามิจฉาชีพจะหลอกเพื่อเอาเงินตนเองเท่านั้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะตกเหยื่ออีก

ภาพ/ชำนิ กุลโคกกรวด ข่าว/ณัฐพงศ์ อรชร ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดนครราชสีมา