ชวนลิ้มรส "เซนซี่" อิตาลีต่างจากที่คุ้นเคย

      บ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ ในซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 17 ย่านสาทร หากไม่สังเกตคงเห็นเป็นเพียงบ้านทั่วๆ ไป ทว่าที่นี่คือร้านอาหารอิตาเลียน “เซนซี่ (Sensi Restaurant)” แปลได้ว่า “กลิ่นของภาษาอังกฤษ” หุ้นส่วนมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจับมือกันปลุกปั้นจนเป็นจุดหมายของนักชิม ด้วยติดอันดับร้านอาหารในมิชลิน ไกด์ ประจำปี 2561 รวมไปถึงติดอันดับท็อป เทเบิลส์ นิตยสาร BK และอีกหลายรางวัลการันตี

 เชฟสเตฟาโน เมอร์โล เชฟมือฉมังเรื่องปรุงจานเด็ด

       แรงดึงดูดผู้คนนอกเหนือจากอาหารและบรรยากาศ เห็นจะเป็นคนสร้างสรรค์เมนูอย่าง เชฟสเตฟาโน เมอร์โล เชฟมือฉมังที่่เติบโตในเมืองปาโดวา (หรือแพดัว) ประเทศอิตาลี สั่งสมประสบการณ์งานครัวมาอย่างเปี่ยมล้น แถมครองตำแหน่งเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ซึ่ง ปิแอร์ เมทซ์ หุ้นส่วนผู้ก่อตั้งร้านอาหารแอพเพียร์ และเพ็พพินา และหนึ่งในเจ้าของใหม่ของร้านอาหารเซนซี่ บอกว่า เชฟสเตฟาโน ได้นำความเชี่ยวชาญและความรักในการปรุงอาหารเข้ามารังสรรค์เมนูเลิศรสให้ทุกคนได้ลิ้มรสชาติความอร่อยใหม่ๆ

ซีฟู้ด ทู ทาร์ทาร์

       โดย “เซนซี่” เน้นอาหารแนวคอนเทมเพอรารี มีส่วนของความเป็นอิตาเลียนแท้เป็นส่วนประกอบ วัตถุดิบที่เลือกใช้ล้วนเหมาะกับอาหารแต่ละจาน ที่สำคัญมาจากหลายแหล่งทั่วอิตาลี อย่างเส้นพาสต้าทำแป้งโฮมเมด สดใหม่ทุกวัน หรือสปาเกตตีก็เป็นสปาเกตตีแต่ตกแต่งให้แตกต่าง ส่วนมากเป็นอาหารอิตาเลียนรสชาติแนวที่คนไทยชอบอยู่แล้ว เพิ่มเติมคือความแปลกใหม่ เมนูแต่ละอาทิตย์จึงค่อนข้างน่าตื่นตา ถือเป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับลูกค้า และในโอกาสที่ร้านยกเครื่องใหม่ทั้งบรรยากาศและรายการอาหาร เชฟสเตฟาโน ได้ปรับเมนูคอร์สอาหารที่มีชื่อ “5 Sensi” ให้ได้ลิ้มลอง หรือถ้าลูกค้าสนใจรสชาติอิตาเลียนอย่าง “ใกล้ชิด” เชฟยังเตรียมเมนูตามความชอบและความต้องการอีกด้วย ซึ่งตัวเลือกเมนู “Carta Bianca” มีให้เลือกระหว่าง 7 และ 9 คอร์ส 

บีฟ ทาร์ทาร์

       จานแรกที่อยากให้ชิมเป็น “ซีฟู้ด ทู ทาร์ทาร์” ค่อยๆ ละเลียดทีละน้อย คำแรกเป็นสแกล็อปฮอกไกโด อีกคำเป็นกุ้งแดงจากอิตาลี ตัวซอสน่าสนใจมากมีลักษณะเป็นโฟมนำไปแช่แข็ง ผสมจากจินและมะนาว พอซอสเป็นเกล็ดได้ที่ก็เอามาเทราดบนตัวทาร์ทาร์ ซึ่งทาร์ทาร์เป็นอาหารกินง่ายๆ ของอิตาเลียน จะผสมจากพริกไทยกับเกลือ มีการตกแต่งด้วยใบไม้สวยงาม ต่อมาเป็น “บีฟ ทาร์ทาร์” ส่วนของเนื้อที่นำมาใช้จะไม่ติดมัน อาจจะเป็นเทนเดอร์ลอยด์ ส่วนผสมจะมีพูตอง (ขนมปัง) และมีซอสมายองเนส ทรัฟเฟิล ด้านบนเป็นผงแบล็ก ทรัฟเฟิล ปรุงจากเบอร์รี่, จูนิเปอร์ และจิน เวลากินแนะนำให้ใช้มือหยิบเลยเพราะจะได้กลิ่นและรสชาติเต็มๆ ถ้ามือเลอะเขาก็เตรียมผ้าเช็ดมือวางไว้ให้ข้างๆ เช็ดมือเสร็จก็ชิมอีกคำที่จัดวางบนรากไม้ได้สัมผัสถึงกลิ่นละมุนๆ

ลิ้นวัวตุ๋น

รีซอตโต้ซีฟู้ด

      สำหรับคอเนื้อ อยากให้ลอง “Beef Tongue salsa verde” หรือ “ลิ้นวัวตุ๋น” ใช้เวลาถึง 5 ชม.เชียวนะกว่าจะนุ่มได้ที่ ราดซอสแองโชวี โอลีฟออยล์ ผักชีฝรั่ง บัลซามิก และน้ำส้มสายชูหมัก และมีซัลซ่าซอส ราดบนเนื้ออีกที อร่อยนุ่มลิ้นและหอมเตะจมูกมากๆ  แล้วก็มาชิมเมนูขึ้นชื่อสไตล์อิตาเลียนอย่าง “รีซอตโต้ซีฟู้ด” สีสันน่าสนใจ มีแบงก์อิ้งค์ สปริง และล็อบสเตอร์ ที่เอาไปเคี่ยวจนเป็นซอส ในจานเห็นว่ามีหอยเชลล์ ล็อบสเตอร์ ปลากะพง และหอยแมลงภู่อิตาเลียน ความพิเศษคือสามสี โดยเฉพาะจานที่พ่นด้วยหญ้าฝรั่น (สีเหลือง) บีรูท (สีแดง) และ  แบล็กอิ้งค์ (สีดำ) แปลกตาดี

สตรีม ซีบาส กับอิตาเลียนซูกินี ฟลาวเวอร์

       มาถึงคนชอบเส้น มีพาสต้าเส้นสด สั่งปุ๊บทำปั๊บทีละจาน มีส่วนผสมของมะเขือเทศ พานเซสต้าซอส และส่วนผสมของพริกพีโคริโน ชีส มีส่วนผสมของแก้มหมูคล้ายแฮมอยู่ข้างในทำให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น อีกจานยกให้เป็นสุดยอดของการสร้างสรรค์โดยเฉพาะความสวยงาม “สตรีม ซีบาส กับอิตาเลียนซูกินี ฟลาวเวอร์” มองแวบๆ คิดว่าปลาทั้งตัวนอนในจาน กับอิตาเลียนซูกินี ฟลาวเวอร์ เชฟเข้าใจคิดทำเป็นเกล็ดปลาสีเขียวๆ ทำจากเบบี้ ซูกินี ส่วนเนื้อปลาเอาปลาไปนึ่ง และหางปลาทำจากเบบี้ ซูกินีกงฟี ราดด้วยซอสฟองๆ คือซีฟู้ดโฟม ครีเอทสุดๆ ไปเลย

พาสต้า Cappelli alla Amatriciana 

สเต๊กเนื้อกวาง

      ปิดท้ายที่เมนู “สเต๊กเนื้อกวาง” ใช้ส่วนที่ไม่มีมันให้กวนใจ ราดด้วยซอสทับทิม ตกแต่งด้วยบีทรูท และจานเบาๆ อย่าง “เฟรช ฟิช ฟอร์ม ฟรานช์” มีส่วนผสมของสาหร่ายทะเล สาหร่ายวากาเมะ เสิร์ฟเคียงด้วยมันฝรั่ง แต่งด้วยสาหร่ายทะเล มีเอ็นกาวะ มีชิ้นปลา Turbot fish ประกอบมาด้วย 

เฟรช ฟิช ฟอร์ม ฟรานช์

ราวิโอลี แครมบรูลี

       สำหรับจานหวานร้านนี้ก็ไม่น้อยหน้าแต่ละอย่างครีเอทไม่แพ้จานคาว  พลาดไม่ได้แน่นอนกับ “ราวิโอลี แครมบรูลี” ตรงกลางเป็นราวิโอรี เปลือกเป็นแป้งพาสต้า ข้างในเป็นแครมบลูเรมีส่วนผสมของแยมส้ม มีซอสพิเศษเรียกว่า บลัด ออเรนจ์ จากอิตาเลียนราด ส่วนผสมของแครมบลูเรมีส่วนผสมของคาราเมล หวานลิ้นแถมสดชื่นขึ้นมาทันที 

     แฟนคลับรสอิตาเลียนที่อยากหนีความจำเจ หาโอกาสแวะไปลิ้มลองกันได้ ย้ำกันอีกทีร้านอยู่ในซอยนาราธิวาสราชนครินทร์ 17 เข้าไปประมาณ 500 เมตร เจอซอยแยก 6 ขวามือ เข้าไปอีก 300 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือไฟน์ไดนิ่งเปิดให้บริการวันจันทร์-เสาร์ เวลา 17.30-23.30 น. (ปิดวันอาทิตย์)  สอบถามโทร.0-2676-4466 หรือ Facebook: sensibangkok  และ www.sensibangkok.com