ผอ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผย เป็นเหตุสลดครั้งแรก ที่เครื่องบินตกหลุมอากาศน่านฟ้าไทย แล้วทำให้มีผู้เสียชีวิต
21 พ.ค.67 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) แถลงกรณีสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางบินจากท่าอากาศยานฮีทโธรว์ ปลายทางท่าอากาศยานชางงี ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เนื่องจากมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจากเหตุ "เครื่องบินตกหลุมอากาศ" ว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อัปเดตล่าสุด สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ตกหลุมอากาศผู้โดยสารดับ 1 ศพ
- เปิดคลิปจากห้องผู้โดยสาร นาทีเครื่องบิน สิงคโปร์แอร์ไลน์ ตกหลุมอากาศ
- เปิดวิธีรับมือเมื่อเครื่องบินตกหลุมอากาศ ทริคพิชิตอาการกลัวเครื่องบิน
- เครื่องบินตกหลุมอากาศคืออะไร? ต้องรุนแรงระดับไหนถึงทำให้บาดเจ็บได้?
ระหว่างการเดินทางเกิด "ตกหลุมอากาศ" ซึ่งขณะนั้นเครื่องบินอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทย ทางนักบินได้ประสานขอลงจอดฉุกเฉิน ที่ "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" โดยเครื่องลงประมาณ 15.50 น. จากนั้นได้เข้าปฎิบัติหน้าที่ตามแผนที่ได้กำหนดเอาไว้ เบื้องต้นได้ประสานกับทางนักบินทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ ฝ่ายแพทย์ของสุวรรณภูมิได้เข้าเครื่องตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิต
นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะผู้อำนวยการท่าอากาศยานจึงขอเข้าแผนฉุกเฉิน ซึ่งมีแผนฉุกเฉินในการรองรับ เมื่อประกาศเข้าแผนฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เข้าสู่พื้นที่ที่เครื่องบินได้จอด หลังจากเข้าพื้นที่เรียบร้อยแล้วได้ประสานกับนักบิน และตกลงกันว่าจำเป็นต้องอพยพผู้โดยสารทันที จึงมีรถของการบินไทยที่พร้อมปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินอยู่แล้วเข้ามาเทียบเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสาร
โดยยอดผู้บาดเจ็บขณะนี้ มีบาดเจ็บวิกฤต มีอาการศรีษะแตกและปวดบริเวณกล้ามเนื้อ 7 ราย บาดเจ็บปานกลาง 23 ราย ลูกเรือส่งโรงพยาบาล 1 คน บาดเจ็บปานกลางรวม 9 คน ทั้งนี้มีผู้ป่วยบาดเจ็บเล็กน้อยนำส่งโรงพยาบาล 16 ราย รักษาที่ Holding area 14 ราย รวมทั้งหมด 30 ราย ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตขณะนี้เพียง 1 ราย ส่วนผู้โดยสารที่เหลืออีก 100 กว่ารายพร้อมเดินทางต่อไปประเทศสิงคโปร์
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตสัญชาติอังกฤษ มีโรคหัวใจ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตต้องรอการยืนยันจากแพทย์อีกครั้งหนึ่ง ส่วนเที่ยวบินที่จะเดินทางมารับผู้โดยสารที่พร้อมจะเดินทางต่อไปยังประเทศปลายทางคือสิงคโปร์จะมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 21.45 - 22.00 น.
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการมายังตนโดยตรง เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้โดยสาร ได้เน้นย้ำให้ "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" ดำเนินการให้ดีที่สุดโดยเฉพาะเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่าน และขั้นตอนปฏิบัติขอให้รวดเร็วและเป็นมาตรฐาน รวมถึงฝ่ายแพทย์ที่เข้ามาให้ปฏิบัติอย่างดีรวดเร็วนำส่งโรงพยาบาลให้ทันเวลา โดยได้ส่งผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปยังโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
ผู้อำนวยการ "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากการตกหลุมอากาศ ส่วนการสอบสวนอุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงานการบินพลเรือน จะเข้าพื้นที่ในอีก 1 ชั่วโมงเพื่อสอบสวนหาสาเหตุต่อไป ทั้งนี้จากที่ตนได้เข้าไปภายในเครื่องบินพบสภาพในเครื่องเลอะเทอะเละเทะพอสมควร
คาดว่าจะเป็นการตกสภาพอากาศที่สูงพอสมควร ขณะเกิดเหตุคาดว่าอยู่ในช่วงของการรับประทานอาหาร และยังไม่ทราบจุดที่มีการตกหลุมอากาศยังไม่สามารถยืนยันพิกัดจุดเกิดเหตุได้ แต่คาดว่าจะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทย เนื่องจากมีการประสานขอความช่วยเหลือมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถือเป็นไฟท์แรกที่มีการตกหลุมอากาศมีรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามทางสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มา 50 คนในการดูแลผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในประเทศไทย ส่วนสภาพจิตใจของผู้โดยสารในขณะอยู่บนเครื่องมีอาการตื่นตระหนก แต่ขณะนี้สภาพจิตใจดีขึ้นแล้วอยู่ระหว่างรอเครื่องบินลำใหม่มารับกลับสิงคโปร์
สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นขั้นตอนของการดำเนินการของตำรวจ ซึ่งมีการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยศพของผู้เสียชีวิตจะส่งไปยังนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเพื่อพิสูจน์ทราบหาสาเหตุการเสียชีวิต และติดต่อสถานทูต เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ได้รับผู้ป่วยผู้บาดเจ็บจากเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ มารักษาจำนวน 70 ราย มีทั้งบาดเจ็บอาการหานัก และบาเจ็บเล็กน้อยแต่
จากนั้นทาง โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ได้ส่งต่อผู้บาดเจ็บไปรักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท อีก 4 ราย ขณะนี้ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย แต่ตนไม่แน่ใจว่า หน่วยงานใดเป็นผู้ชันสูตรศพผู้เสียชีวิต เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ หากเกิดในพื้นที่ กทม. จะต้องส่งชันสูตรที่ สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม กรณีการพบผู้เสียชีวิตในประเทศไทย ย่อมต้องผ่าชันสูตรตามหลักกฎหมายไทยต่อไป ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ เป็นผู้ดำเนินการติดต่อประสานญาติของผู้บาดเจ็บกับทางโรงพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ของไทยในการประสานความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง