พนง.ฉุนนายจ้างไม่เพิ่มคน-สลับป้ายกระเป๋า286 ใบส่งมั่วปลายทาง

 

ศาลสิงคโปร์ตัดสินลงโทษ นายไถ้ บุน เคห์ พนักงานจัดการกระเป๋าสัมภาระ จำคุก 20 วัน จากความผิดข้อหาทำให้เสียทรัพย์ 20 กระทงและยังมีข้อหาอื่นในลักษณะเดียวกันอีก 266 กระทงที่อยู่ระหว่างการพิจารณา  หลังจากจำเลยวัย 66 ปี ยอมรับว่า สลับป้ายกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารเที่ยวบิน สิงคโปร์ แอร์ไลนส์ กับ ซิลค์แอร์ ช่วงวันที่ 8 พ.ย. ถึงพ.ย. 2560 จำนวน 286 ใบ 

 

ในช่วงเกิดเหตุ นายไถ้ ทำงานในเทอร์มินอล 2 สนามบินชางงี ให้กับบริษัท เหลียน เฉิง คอนแทรกติง บริษัทคู่สัญญาของ ชางงี  แอร์พอร์ต กรุ๊ป  มีหน้าที่เช็คอินกระเป๋าเดินทาง วางบนเครื่องเอ็กซเรย์ ก่อนโหลดกระเป๋าลงเครื่องบิน 

 

ช่วงสิ้นเดือนกันยายน 2559  ไถ้ได้รับมอบหมายให้ประจำเครื่องเอ็กซเรย์ที่เสียเป็นระยะตลอดวัน ทำให้เขาต้องลากกระเป๋าไปอีกเครื่องเอ็กซเรย์ที่ใช้การได้ ห่างออกไป 6 เมตร  เขาร้องเรียนไปยังหัวหน้างาน ว่าการทำเช่นนั้น ทำให้เขาเหนื่อยมาก  แต่บริษัทไม่จัดคนมาเพิ่มเพื่อช่วยเหลือ เพราะขาดแคลนกำลังคน  

 

ที่สุด พนักงานรายนี้เกิดความรู้สึกคับแค้นใจ เกิดไอเดียสลับป้ายกระเป๋าเดินทางที่ผ่านมือเขา เพราะอยากให้นายจ้างรับรู้ปัญหา และทำให้กลุ่ม ชางงี แอร์พอร์ต กรุ๊ป ตระหนักปัญหาขาดแคลนกำลังคนและเครื่องเอ็กซเรย์เสียบ่อย  เพื่อให้ลงมือแก้ไข  

 

 

 

 

นายไถ้ ลงมือกระทำโดยลำพังและหลบกล้องวงจรปิด และรู้แก่ใจว่าเมื่อทำเช่นนี้ กระเป๋าจะถูกส่งไปยังปลายทางอีกที่หนึ่ง  

 

ผู้แทนฝ่ายจัดการสัมภาระของ สิงคโปร์แอร์ไลนส์ กับ ซิลค์แอร์ ที่สนามบินชางงี เข้าแจ้งความตำรวจเมื่อ 7 ธ.ค. 2559 หลังได้รับร้องเรียนจากผู้โดยสาร 20 คนว่า กระเป๋าถูกส่งไปผิดที่เพราะป้ายชื่อกระเป๋าถูกเปลี่ยน  หลังแจ้งความแล้ว ได้รับร้องเรียนอีก 266  ราย บริษัทต้องจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ 221 คนกว่า 4.2 หมื่นดอลลาร์สิงคโปร์  ( ประมาณ  9.36 แสนบาท ) 

 

อัยการเสนอให้จำคุกผู้กระทำผิด 20 วัน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ว่า ไม่ควรก่อเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์  เพื่อกดดันนายจ้างแก้ไขความไม่เป็นธรรมในการทำงาน หรือเพื่อเหตุผลใดก็ตาม  แต่ควรใช้ช่องทางเหมาะสมอื่น เช่น กฎหมาย  

 

ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ อาจทำให้ไถ้ ถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 1 ปีหรือปรับ หรือทั้งจำและปรับ แต่ทนายของเขาแจ้งว่าลูกความเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้ความสามารถในการควบคุมตนเองลดลง