ข่าว

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไม่ใช่ภาพเด็กบาดเจ็บ ร้องไห้ หรือซากศพ แต่เป็นชายชราแห่งอเลปโป เจ้าของรถโบราณสะสม 30 คัน ...โดยอุไรวรรณ นอร์มา

 

 

                    ภาพชายชราถือไปป์นั่งไขว่ห้างอยู่ขอบเตียงดื่มด่ำกับเสียงเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง หน้าต่างไร้กระจก บานเกล็ดแตกร่วงหลุด กองซากหักพังฝุ่นจับอยู่ในห้องนอนมีแสงอ่อนๆลอดเข้ามา ในทางเทคนิค ครบองค์ประกอบสมบูรณ์ราวกับภาพวาด ในแง่อารมณ์ กลายเป็นภาพไวรัลหรือภาพที่ถูกส่งต่อและกล่าวขานกระหึ่มในโลกออนไลน์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นับจากสำนักข่าวเอเอฟพี เผยแพร่ภาพนี้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม เพราะไม่เพียงสะท้อนความโหดร้ายสงครามกลางเมืองซีเรียในอีกแง่มุม นอกเหนือจากชะตากรรมของเด็กน้อยที่มีภาพช็อกโลกอยู่หลายครั้ง แต่ยังฉายความมุ่งมั่นของมนุษย์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแม้ในสภาพแวดล้อมสุดจะทานทน ดังที่มีผู้แสดงความเห็นในอินสตาแกรมของเอเอฟพีว่า นี่คือความสงบเงียบท่ามกลางนรกบนดิน

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน

 

                    บุคคลในภาพคือ โมฮัมเหม็ด โมฮีดิน อานิส วัย 70 ปี หรือ อาบู โอมาร์ ชาวเมืองอเลปโป เมืองใหญ่อันดับสองของซีเรีย เขาเคยมีชีวิตอย่างสุขสบายก่อนที่โจเซฟ ไอด์ ช่างภาพสงครามของเอเอฟพี เข้าไปบันทึกภาพตรงข้ามกับอดีตเมื่อสองสัปดาห์ก่อน


                    ชายชราเคยร่ำรวย พูดได้ถึง 5 ภาษา เคยร่ำเรียนแพทย์ในเมืองซาราโกซา ประเทศสเปน ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ก่อนย้ายไปอยู่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี จากนั้นเขากลับมาที่อเลปโป และเริ่มตั้งโรงงานเครื่องสำอาง เขาหลงใหลรถโบราณ เป็นความสนใจที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อซึ่งเป็นนักธุรกิจร่ำรวยจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ พ่อของเขาเคยขับรถปอนเตี๊ยก 1950 และเขายังเป็นเจ้าของอยู่จนถึงวันนี้

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน

(  คาดิแลค 1974 ) 


                    เอเอฟพีเคยส่งทีมข่าวไปพบและสัมภาษณ์อานิส ในเมืองอเลปโปเมื่อต้นปีที่แล้ว ในช่วงนั้น ส่วนตะวันออกของเมืองยังอยู่ภายใต้การยึดครองของกองกำลังกบฏ ภรรยา 2 คนกับลูก 8 คนของเขาออกจากอเลปโปไปนานแล้ว แต่อานิสขอปักหลักอยู่ที่บ้าน อันเป็นสถานที่ฝังร่างบรรพบุรุษ แม้ต้องทนกับระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาเป็นระยะ ครั้งนั้น อานิสพาทีมข่าวไปชมรถอเมริกันโบราณที่สะสมไว้และเริ่มลดลง ขณะที่กบฏกับรัฐบาลผลัดกันรุกรบแย่งครองดินแดน เวลาที่รถคันใดคันหนึ่งโดนถล่ม อานิสกล่าวว่า รู้สึกราวกับว่าตัวเองหรือญาติถูกโจมตีอย่างไรอย่างนั้น


                    เมื่ออเลปโปกลับไปอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลดามัสกัสโดยสมบูรณ์เมื่อธันวาคม หลังการสู้รบแย่งชิงดุเดือด 4 ปีครึ่ง แซมมี เคตซ์ หัวหน้าสำนักข่าวเอเอฟพีในเบรุต และช่างภาพ โจเซฟ ไอด์ ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อไปติดตามดูว่าชาวบ้านอย่างชายชราคนนี้ มีชีวิตเป็นอยู่อย่างไรในเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแห่งซีเรีย

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน
 ( เชฟโรเลต อาปาเช  ปี 1958 )       

 

             ไอด์ ช่างภาพ เล่าว่า ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง นำทางทีมข่าวลัดเลาะไปตามถนน กระทั่งถึงบ้านสองชั้นอายุเกือบ 90 ปี ที่ตั้งอยู่ในย่านอัล ชาร์ ท่ามกลางกองซากปรักหักพัง เราเห็นรถของเขาถูกทำลายและบ้านพังบางส่วน ประตูทางเข้าสีเขียวมหึมา เมื่อเคาะประตูบ้านที่ดูสภาพแล้วไม่น่าจะมีคนอยู่ได้ แต่เจ้าของก็ส่งเสียงขานรับ เช้าวันต่อมา อานิสเลี้ยงน้ำชานักข่าวก่อนพาไปดูความสูญเสียของเขา รวมถึงซากกำแพงที่พังลงมาทับรถ บูอิค ซูเปอร์ ปี 1955

                    อานิส เคยมีรถโบราณสะสมอยู่ถึง 30 คัน ก่อนลดลงเหลือ 20 คัน ตอนที่มีการถล่มอย่างหนักหน่วงทางตะวันออกของเมืองเมื่อปีที่แล้ว ช่วงนั้น มีรถหลายคันถูกขโมยไป หรือไม่ก็ถูกทำลายเพราะระเบิด

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน

(บูอิค ซูเปอร์ ปี 1955 )


                    รถคันโปรดของเขาคือ คาดิลแลคเปิดประทุนปี 1974 คันที่มีประธานาธิบดีอย่างน้อย 6 คนเคยนั่ง เช่น ในปี 1958 เคยใช้ขับพา กามาล อับเดล นัสเซอร์ อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ และ ชูครี อัล คูวาตี อดีตประธานาธิบดีซีเรีย ไปตามถนนในกรุงดามัสกัสเพื่อร่วมฉลองการตั้งก่อสหสาธารณรัฐอาหรับ 


                    มีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งสนใจขอซื้อรถแต่เขาไม่ขาย ตั้งใจจะเก็บที่เหลือไว้ให้ลูก 8 คน โดยจะกระจายให้ตามกฎหมายศาสนา ให้ลูกชายคนละ 2 คัน ลูกสาวคนละ 1 คัน


                    ช่วงสองเดือนสุดท้ายของสงครามชิงอเลปโปตะวันออกปลายปีที่แล้ว การทิ้งระเบิดถล่มรุนแรงและอันตรายเกินกว่าจะอยู่ อานิสตัดสินใจทิ้งบ้านและรถสะสมสุดรักไปราวสองสัปดาห์ เมื่อกลับมาอีกครั้งในปีนี้ เขารู้สึกช็อก ซากปรักหักพังกระจายเกลื่อนห้องนอน หน้าต่างพังห้อยลงมา ฝุ่นจากข้างนอกและในห้องนอนคลุ้งไปทั่ว

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน


                    ระหว่างพาช่างภาพและนักข่าวเอเอฟพีดูรอบบ้าน อานิสนั่งลงที่เตียงและเล่าว่า เขาชอบฟังเพลงคลาสสิก และเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ไม่ต้องอาศัยไฟฟ้าที่มาแบบติดๆดับๆ  เป็นหนึ่งในข้าวของไม่กี่ชิ้นที่สร้างความรื่นรมย์ให้ได้แต่ละวัน อานิสจุดไปป์ก่อนเปิดเพลงโปรดของนักร้องซีเรียรุ่นเก่า โมฮัมเหม็ด เดีย อัล ดอน ไปป์ของเขาก็แตกหักเหมือนของอื่นๆ ในบ้าน เจ้าของต้องซ่อมโดยใช้สกอตเทปติด

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน

(พลีมัธ ปี 1947)


                    อานิสยอมรับว่า ยึดติดกับอดีตและสิ่งที่เขารักมากเสมอ หากไม่มีของเหล่านั้น อาจสูญเสียความเป็นตัวตนไปแล้ว  และเป็นเหตุผลเดียวกับการยืนยันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะเขาจะซ่อมและฟื้นฟูรถที่บาดเจ็บเหล่านั้น จะพยายามกลับไปมีชีวิตเหมือนเดิมอีกครั้งให้ได้ 

                เมื่อถามว่าอยู่ได้อย่างไรในสภาพแบบนี้ อีกฝ่ายตอบง่ายๆ ว่า นี่คือบ้าน ....ซึ่งก็ไม่ต่างจากชาวอเลปโปอีกมากมายที่รู้สึกเช่นนั้น พวกเขาขอหลับนอนอยู่ที่บ้านท่ามกลางไฟสงคราม


                    “ผมเคยมีอดีตที่มีความสุขมาก แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ชีวิตตอนนี้มันยาก แต่เราต้องไม่สูญสิ้นความหวัง” อานิสกล่าว แม้รับรู้ดีว่าสงครามกลางเมืองซีเรียที่เพิ่งย่างเข้าสู่ปีที่ 7 ยังห่างไกลมากจากคำว่า ยุติ
                    หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ไอด์กล่าวอำลาอานิส และไม่ได้ติดต่อกันอีก เพราะอีกฝ่ายไม่มีโทรศัพท์ จากนั้น ทีมงานเดินทางไปเก็บภาพซากสงครามในที่อื่นๆต่อ ก่อนกลับบ้านในเลบานอน

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน


 

 

 

                    โจเซฟ ไอด์ ช่างภาพเอเอฟพี เข้าถึงชีวิตในยามสงครามได้เป็นอย่างดี ในวัย 41 ปีเขาผ่านมาหมดแล้วทั้งการถ่ายภาพสงครามในอิรัก การโค่นล้ม พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ในลิเบีย และความหฤโหดของสงครามซีเรีย 6 ปี
                    ผลงานหลายชิ้นของไอด์เป็นภาพหลอนจากสมรภูมิที่ได้รับการกล่าวถึงในวงกว้าง เช่น ก่อนและหลังกลุ่มไอเอสยึดครอง สำหรับภาพชายชราซีเรียในห้องนอนพังๆ ไอด์เล่าว่า ช่วงเวลานั้น เหมือนอานิสลอยไปอยู่ที่อื่น ลืมไปว่าเรากำลังอยู่ที่นั่นด้วย เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ทอดอารมณ์ราวกับกำลังนั่งมองวิวพระอาทิตย์ขึ้น เสียงเพลงแว่วจากห้องนอนพังวิ่นและดังออกไปภายนอก

 

ข้างหลังภาพชายชราซีเรียในซากห้องนอน
                    ช่างภาพมากประสบการณ์รู้ว่า ฉากตรงหน้าของเขาพิเศษมาก และเชื่อว่าจะเป็นรูปถ่ายทรงพลังภาพหนึ่ง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะไปไกลขนาดนี้ แต่เมื่อมันเป็น ก็ไม่ได้ประหลาดใจ เพราะคิดว่าคนเริ่มเบื่อกับความรุนแรงจากสงคราม เริ่มชินชาและอาจหันหน้าหนีเมื่อเจอข่าวการเข่นฆ่า เริ่มไม่รู้สึกอะไร แต่ภาพนี้บอกเล่าจิตวิญญาณของมนุษย์คนหนึ่ง 


                    หลังจากกลับจากอเลปโป ช่างภาพรายนี้กล่าวว่า ทุกครั้งที่รู้สึกผิดหวัง หรือคิดจะยอมแพ้กับปัญหาชีวิตและอุปสรรค เขาจะหวนนึกถึงภาพของอาบู โอมาร์ สูบไปป์ขณะนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังบนเตียงที่สอนว่า มีบางอย่างที่ระเบิดและการสู้รบฆ่าไม่ตาย นั่นคือการยืนหยัดที่จะมีชีวิตและเริ่มต้นใหม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ