กทท.เร่งเดินหน้าเฟส 3 หลังศาลปกครองสูงสุดยกฟ้อง NCP ยันคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการกระบวนการ ขั้นตอน และอำนาจที่มีตามประกาศ โดยมิได้มีการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดทั้งสิ้น
วันที่ 9 เมษายน 2563 เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ผอ.กทท.) อ้างถึง คมชัดลึกออนไลน์ ประจำวันที่ 5 เมษายน 2563หัวข้อข่าว “ค้าน กทท. เร่งเดินหน้าท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3”
ตามสื่อออนไลน์ที่อ้างถึง ได้เสนอข่าว หัวข้อข่าว “ค้าน กทท. เร่งเดินหน้าท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3” ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
การท่าเรือแห่งประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงว่า การท่าเรือฯได้การดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F และมีกลุ่มบริษัทที่สนใจเข้ายื่นซองข้อเสนอรวม 2 ราย ได้แก่
กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP (ประกอบด้วย บริษัท นทลิน จำกัด บริษัท แอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด บริษัท พริมา มารีน จำกัด บริษัท พีเอชเอส ออแกนิค จำกัด และ China Railway Construction Corporation Limited) และกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC (ประกอบด้วย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด บมจ. กัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และ China Harbour Engineering Company Limtied)
ปรากฏว่ากลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นและข้อเสนอทางเทคนิคตามที่กำหนดในเอกสารการคัดเลือกเอกชน หรือ Request for Proposal (RFP) แต่กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ เนื่องจากไม่ได้ลงนามในแบบฟอร์มสัญญากิจการร่วมค้า ที่ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่กำหนดตาม RFP จึงถือเป็นการผิดสาระสำคัญ ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับผู้ยื่นรายอื่น
และกลุ่มกิจการร่วมค้า NCP ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลของการไม่ลงนามในช่อง ที่กำหนดถือเป็นความบกพร่องของกลุ่มกิจการร่วมค้า NCP ซึ่งในเวลาต่อมากลุ่มกิจการร่วมค้า NCP ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง และศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาว่าคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ เป็นคำสั่ง ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พร้อมทั้งมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา คณะกรรมการคัดเลือกฯ จึงได้ยื่นคำอุทธรณ์คำพิพากษาพร้อมทั้งได้ยื่นคำร้องขอให้ระงับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ซึ่งในระหว่างนั้นทำให้การดำเนินการต้องหยุดชะงักลง
ต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้ชี้ขาดคำร้องอุทธรณ์ให้เพิกถอนคำสั่งขอให้ระงับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นการยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองฯ ตามคำขอของกลุ่มกิจการร่วมค้า NCP ซึ่งทำให้คำตัดสินของคณะกรรมการคัดเลือกฯ เป็นอันถูกต้องและสามารถดำเนินการต่อไปได้
และตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) เรื่อง การประกาศเชิญชวนวิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือก หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ในกรณีที่ไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับได้ถึงตามที่รัฐคาดหมายซึ่งระบุไว้ในหลักการของโครงการ หรือไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอขอรับ
มาตรการสนับสนุนโครงการน้อยกว่าหรือเท่ากับที่รัฐคาดหมายซึ่งระบุไว้ในหลักการของโครงการ ให้คณะกรรมการคัดเลือกเจรจากับผู้ยื่นข้อเสนอ ซึ่งหากเจรจาแล้วผลประโยชน์ตอบแทนของภาครัฐที่จะได้รับไม่ถึงตามที่รัฐคาดหมายซึ่งระบุไว้ในหลักการของโครงการ หรือการขอรับมาตรการสนับสนุนโครงการมากกว่า ที่รัฐคาดหมายซึ่งระบุไว้ในหลักการของโครงการ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำเสนอผลการเจรจาของคณะกรรมการคัดเลือกข้างต้นต่อ สกพอ. และร่วมกับ สกพอ. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและจัดทำความเห็น เพื่อใช้ประกอบการนำเสนอผลการเจรจาดังกล่าวต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้องกรณีที่กลุ่มกิจการร่วมค้า NPC ที่ฟ้องเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีผลให้คำสั่งทางศาลปกครอง คณะกรรมการคัดเลือกโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ที่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP เป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 นั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ดังนั้น โดยสรุปกระบวนการขั้นตอนการพิจารณาหาผู้ชนะยังไม่แล้วเสร็จ ต้องมีการเจรจากับผู้ยื่นข้อเสนอเพื่อให้ภาครัฐได้รับผลประโยชน์สูงสุด และไม่เกิดความเสียหายต่อการท่าเรือฯ ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการเจรจากับผู้ยื่นข้อเสนอกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการกระบวนการ ขั้นตอน และอำนาจที่มีตามประกาศ โดยมิได้มีการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดทั้งสิ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง